เหมียวๆ มะนุด เราหิวแล้ว

ถ้าคุณต้องการให้เป็นอาหารสดทำเอง คุณควรเลือกให้มีสัดส่วนของโปรตีนสูง, ลดไขมันเสีย, คาร์โบไฮเดรต, น้ำตาล และโซเดียมลงให้ได้มากที่สุด ซึ่งอาหารที่เหมาะสมสำหรับแมวลดน้ำหนัก คือ เนื้อปลาทะเลสด, อกไก่, ไข่ และมันฝรั่ง เป็นต้น

หมอแมวเมียว

Master
หน้าแรก เกี่ยวกับแมว รีวิว แมว pantip

เรื่องราวเกี่ยวกับ: รีวิว แมว pantip

8 เรียนรู้อารมณ์แมวอย่างเข้าใจด้วย 4 ปัจจัยสำคัญ

8.เรียนรู้อารมณ์แมวอย่างเข้าใจด้วย 4 ปัจจัยสำคัญ

เชื่อว่าหนึ่งในเรื่องที่คนเลี้ยงแมวอยากจะรู้มากที่สุด คือ การสื่อสารกับแมวแบบใดจึงจะสามารถเข้าใจถึงความคิด, อารมณ์ และความรู้สึกในช่วงเวลานั้น ๆ ของแมวได้เป็นอย่างดี เพราะการสื่อสารจะช่วยทำให้เจ้าของสามารถเลี้ยงน้องแมวได้ง่ายมากขึ้น เป็นการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ทำให้การอยู่ร่วมกันมีความสุขมากขึ้น ดังนั้นถ้าคุณต้องการที่จะเข้าใจอารมณ์แมวอย่างชัดเจน ควรรู้ถึง 4 ปัจจัยสำคัญต่อไปนี้

1.สื่อสารผ่านหู

การสื่อสารผ่านหู คือ เมื่อแมวมีปฏิกิริยาด้านอารมณ์ต่าง ๆ จะแสดงออกผ่านทางหูได้อย่างชัดเจนด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะการเอียงและขยับหูไป-มา เป็นการทำให้เห็นถึงการเรียนรู้เสียงและพยายามที่จะวิเคราะห์ว่าเสียงที่ได้ยินนั้นเป็นอย่างไร  แต่ถ้าแมวกำลังผ่อนคลายอยู่ หูจะตั้งตรงตามปกติและอาจจะเอียงออกไปทางด้านข้างเล็กน้อย แต่ถ้าหูเริ่มถูกกดลงไปด้านข้างแบบต่ำขั้นสุด นั่นหมายถึงอาการกลัวและกำลังพยายามป้องกันตัวเอง นอกจากนี้การขยับหูไป-มาและตั้งตรงขึ้นยังหมายถึงความรู้สึกตื่นกลัว รู้สึกตกใจ จึงจำเป็นที่จะต้องขยับหูเพื่อให้รู้ทิศทางของสิ่งอันตรายที่กำลังจะมาถึงตัวเอง

2.หางก็บอกอารมณ์ได้

หางที่สามารถบอกอารมณ์ได้ คือ การแกว่งไป-มาทั้งซ้ายและขวาแบบช้า ๆ จะหมายถึงความรู้สึกที่เพลิดเพลินและกำลังผ่อนคลาย แต่ถ้าเมื่อใดที่หางเริ่มตีขึ้น-ลงอย่างแรงจะหมายถึงความรู้สึกไม่พึงพอใจและอาจจะป้องกันตัวด้วยการข่วนอีกด้วย หรือถ้าเป็นการยกหางขึ้นแบบโค้งสูงและมีการพองขนร่วมด้วย นั่นหมายถึงกำลังเตรียมพร้อมจะสู้เพื่อป้องกันตัวเอง  นอกจากนี้การควงหางจนแทบจะเป็นวงกลมแบบรุนแรง ก็จะหมายถึงอาการกลัวจนเครียดและพร้อมสู้ด้วยเช่นกัน

3.สายตาพิฆาต

สายตาพิฆาตของน้องเหมียว ไม่ได้มีไว้เพื่อการมองแรง! เท่านั้น แต่ยังเป็นการสื่อสารให้เจ้าของได้รู้ถึงความสุข ความผ่อนคลาย การอยากเล่น หรือความรู้สึกกลัวกับกำลังโกรธได้ครบถ้วนเช่นกัน ดังนั้นคุณจึงต้องสังเกตให้ดี ถ้าน้องแมวมีอาการตาปรือ กระพริบตาช้า ๆ จะหมายถึงกำลังเพลิดเพลิน รู้สึกพึงพอใจและมีความสุข แต่ถ้าตาเบิกโพลงกว้างจะหมายถึงความรู้สึกตกใจกลัว นอกจากนี้การจ้องมองสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นพิเศษและมองอย่างตั้งใจ จะหมายถึงความกังวลและความหวาดกลัวด้วยเช่นกัน

4.ปากก็สื่อสารได้

ปากและจมูกของน้องแมวสามารถสื่อสารให้คุณรู้ได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งถ้าแมวของคุณกำลังรู้สึกสบายใจและมีความสุข หนวดจะมีการเคลื่อนไหวเองแบบเป็นอิสระและน้องแมวมักจะเลียขนข้างปากของตัวเองแบบสบายใจ หนวดจะถูกดึงเข้ามาชิดกับใบหน้า แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่รู้สึกกลัวหรือวิตกกังวล หนวดของแมวจะกางออกและริมฝีปากปิดสนิท แต่ถ้าเครียดหนักขึ้นจะเริ่มเลียปากบ่อยครั้ง โดยจะเป็นการแลบลิ้นออกมาเลียจมูกบ่อย ๆ ให้เห็นอย่างชัดเจน

ถ้าคุณต้องการเป็นเจ้าของน้องแมวอย่างเข้าใจ คุณควรสื่อสารให้ได้ด้วยทั้ง 4 ปัจจัยนี้ เรียนรู้ให้เข้าใจทั้งการสื่อสารและการแสดงออกทางพฤติกรรม คุณก็จะสามารถเข้าถึงความต้องการของน้องแมวได้มากขึ้นและช่วยทำให้คุณกับน้องแมวใช้ชีวิตที่มีความสุขร่วมกันได้แน่นอน!

ที่คนค้นหาเกี่ยวกับเนื้อหานี้ :

5 เรื่องไม่ควรทำ ก่อนโดนเจ้านายแจกยันต์

5 เรื่องไม่ควรทำ ก่อนโดนเจ้านายแจกยันต์

แม้ว่าแมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่ค่อนข้างเอาใจยาก แต่ใครหลาย ๆ คนก็รู้สึกหลงรัก ทั้งยังทำให้คนเลี้ยงเจ็บตัวได้ง่ายจากการแจกยันต์หรือการข่วนของน้องแมว ที่คนเลี้ยงส่วนใหญ่มักจะพบกันได้บ่อยครั้ง ดังนั้นถ้าคุณไม่อยากโดนแจกยันต์แบบหนัก ๆ จากน้องแมวที่เลี้ยงอยู่ ลองมาดู 5 เรื่องไม่ควรทำ ดังนี้

1.ถ้ามีสัญญาณเตือนต้องไม่ยุ่ง

ถ้ามีสัญญาณเตือนจากน้องแมวว่ากำลังอารมณ์ไม่ดี คุณไม่ควรเข้าไปยุ่งเด็ดขาด หรือไม่ควรเข้าไปเซ้าซี้ เพราะจะยิ่งเพิ่มความเครียดให้กับแมวมากขึ้น ซึ่งสัญญาณเหล่านั้น คือ การตวัดหางตีพื้นขึ้น-ลง, การขู่เบา ๆ ในลำคอ, การทำเสียงฟ่อออกมาอย่างชัดเจน, หูทั้งสองข้างลดระดับลง, การถอยเข้ามุม หรือการพองขน เป็นต้น ซึ่งถ้าคุณเจออาการเหล่านี้ควรปล่อยให้แมวอยู่ตัวเดียว เพื่อปรับสภาพอารมณ์ด้วยตัวเองไปก่อน เมื่ออารมณ์ของแมวดีขึ้น จึงค่อยกลับไปเล่นหรือลูบหัวอีกครั้ง

2.ไม่เข้าไปแยกเอง เมื่อแมวทะเลาะกัน

เมื่อไหร่ที่แมวในบ้านหรือแมวนอกบ้านทะเลาะกัน จนอาจถึงขั้นเข้ากัดกันอย่างรุนแรง คุณไม่ควรเข้าไปแยกเองเด็ดขาด ไม่ควรถือไม้เข้าไปตีหรือเข้าไปใกล้ เพราะการกัดกันในขณะที่ทะเลาะอาจจะทำให้คุณได้รับบาดเจ็บไปด้วย ที่สำคัญคือการตีแมวอาจจะทำให้แมวบาดเจ็บได้ ดังนั้นถ้าคุณเห็นแมวเริ่มขู่ใส่กัน ควรรีบหาลังกระดาษขนาดใหญ่หรือฉากกั้นค่อย ๆ นำไปกั้นระหว่างแมว 2 ตัว จึงจะช่วยทำให้บรรยากาศดีขึ้นและเลิกทะเลาะกันในที่สุด นอกจากนี้ยังสามารถใช้วิธีการทำเสียงดัง เพื่อให้แมวรู้สึกตกใจแล้วแยกออกจากกัน จากนั้นให้ต้อนทั้ง 2 ตัวไปอยู่ตัวละมุม พร้อมนำแมวตัวที่อาจจะสู้ไม่ได้แยกออกไปอยู่ในจุดที่ปลอดภัยก่อน เพื่อลดการเผชิญหน้ากัน

3.จับผิดจุด

จุดสำคัญของแมวที่ถือว่าเป็นจุดหวงแหนมาก ไม่ควรไปแตะต้อง คือ ช่วงท้อง, ช่วงกลางหลังไปถึงโคนหาง, ช่วงขาหน้าและขาหลัง ดังนั้นถ้าคุณยังไม่สนิทกับแมวมากพอ ไม่ควรจับจุดสำคัญเหล่านี้เด็ดขาด เพราะจับผิดจุดเมื่อไหร่ รับรองว่าโดนแจกยันต์แน่นอน

4.อย่าดึงหาง

จุดสำคัญมาก ๆ ของแมวอีก 1 จุด คือ “หาง” ดังนั้นอย่าคิดว่าเป็นเรื่องสนุกที่จะดึงหางแมวเล่น เพราะนอกจากดึงแล้วจะได้แผลจากการข่วนกลับมาแล้ว ยังอาจทำให้แมวต้องได้รับบาดเจ็บจนถึงขั้นกระดูกสันหลังมีปัญหาและอาจพิการได้เลยทีเดียว

5.ไม่เข้าใกล้เมื่อแมวร้องกรี๊ด

เมื่อใดที่แมวเริ่มส่งเสียงร้องกรี๊ดที่จะเป็นเสียงเล็กแหลมออกมาแบบแปลก ๆ ให้คุณรีบหยุดการเล่นแล้วเดินออกจากแมวทันที เพราะเสียงร้องกรี๊ดเป็นการแสดงให้เห็นว่าแมวกำลังรู้สึกไม่ปลอดภัย รู้สึกถึงการถูกคุกคาม และพร้อมจะสู้เพื่อหนีได้ทุกเมื่อ

ถ้าคุณไม่อยากต้องเจ็บตัวไปกับน้องแมว ที่ไม่ว่าจะเป็นแมวของตัวเอง, แมวของคนอื่น หรือแมวจร ไม่ควรทำ 5 เรื่องนี้เด็ดขาด เพื่อจะได้ไม่ต้องเจ็บตัวแบบฟรี ๆ

ที่คนค้นหาเกี่ยวกับเนื้อหานี้ :

เผย 4 สาเหตุ ทำไม ไม่อยากกวนเจ้าเหมียว เวลาเค้าหลับ

4 สาเหตุที่ทำให้เราต้องรู้สึกเกรงใจแมวหลับ

เชื่อว่าใครก็ตามที่เป็นทาสแมว ต้องเคยเจอประสบการณ์น้องเหมียวมานอนอยู่บนตักหรือนอนทับแขนของคุณอย่างแน่นอน ที่สำคัญคือการนอนนี้ทำให้คุณรู้สึกเกรงใจจนแทบไม่กล้าขยับตัวอีกด้วย บางคนก็แทบจะกลั้นหายใจเพื่อเปลี่ยนท่ากันเลยทีเดียว จนทำให้เกิดเป็นคำถามของเหล่าผู้เลี้ยงแมวหลายคนว่าทำไมเราถึงต้องรู้สึกเกรงใจเวลาแมวนอนหลับ วันนี้จึงขอนำ 4 เหตุผลขงคนเกรงใจแมวมาตอบคำถามนี้ คือ


1.ความน่ารักเกินต้าน

เวลาแมวหลับมักจะมีท่าทางและหน้าตาที่ค่อนข้างน่ารักเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเหมียวน้อยที่เวลานอนแล้วชอบทำหน้า จิ้มลิ้ม ส่วนแมวบางตัวก็อาจจะนอนด้วยท่าทางสุดน่ารักหรือนอนหงายโชว์พุง พร้อมไปด้วยท่าทางที่ดูตลก จึงทำให้คนคลั่งรักแมวอย่างเรา ๆ อยากจะนั่งมองความน่ารักเกินต้านนี้ไปเรื่อย ๆ จนทำให้รู้สึกเกรงใจน้องแมวที่นอนอยู่อย่างมากเลยทีเดียว

2.หลับดีกว่าตื่นมากวนนะ!

อีกหนึ่งสาเหตุที่มนุษย์อย่างเราเกรงใจน้องแมวที่หลับอยู่ใกล้ ๆ คือ ความกลัวน้องแมวตื่นมาแล้วจะลุกขึ้นมาก่อกวน  โดยเฉพาะแมวเด็ก ถ้าได้หลับแล้วเชื่อว่าเจ้าของจะรู้สึกไม่อยากให้ตื่นเร็วแน่น เพราะเมื่อใดที่ตื่นแล้วจะลุกขึ้นมาวิ่งเล่นซน กัดแทะ และชวนเจ้าของเล่นด้วยแน่นอน! โดยเฉพาะคนที่ต้องทำงานอยู่บ้าน ถ้าแมวหลับแล้วจะรู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก

3.สัมผัสได้ว่าเขาปลอดภัย

มีงานวิจัยออกมาอย่างชัดเจนว่าการที่แมวมานอนข้างเจ้าของหรือมานอนบนตัก รวมไปถึงการนอนหนุนแขนเจ้าของ เป็นเพราะแมวรู้สึกถึงความปลอดภัย ไร้กังวล ความรู้สึกไว้วางใจ ดังนั้นเมื่อแมวหลับอยู่ใกล้ ๆ คุณ จึงไม่น่าแปลกใจที่เจ้าของจะรู้สึกเกรงใจแมวตัวเองเป็นพิเศษ เพราะต้องการให้น้องนอนหลับได้อย่างสบายใจและเต็มอิ่มที่สุดนั่นเอง

4.กลัวน้องเหมียวไม่รัก

สำหรับคนที่เป็นทาสแมวและเป็นคนคลั่งรักรักแมวอย่างมาก เมื่อน้องแมวมานอนใกล้ ๆ ย่อมรู้สึกมีความสุข ดังนั้นการจะขยับตัวไปทำอะไรสักอย่างในขณะที่น้องแมวกำลังหลับอยู่เหมือน เจ้าของแมวจะรู้สึกกลัวว่าแมวอาจจะรู้สึกไม่ดี นอนไม่สบาย และน้องเหมียวอาจจะไม่รักได้! จึงทำให้รู้สึกเกรงใจ ซึ่งบางคนสามารถนั่งท่าเดิมเพื่อให้แมวนอนหลับได้นานเป็นชั่วโมงเลยทีเดียว

ความน่ารักของแมวสามารถละลายใจคนเลี้ยงได้ แม้จะเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีพฤติกรรมค่อนข้างนิ่ง แต่เมื่อได้แสดงออกถึงความน่ารักแล้วก็ทำให้ใครเลยคนใจอ่อนได้ดีเลยทีเดียว ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่เวลาน้องหลับแล้ว จะทำให้เจ้าของแมวหลายคนรู้สึกเกรงใจเป็นอย่างมาก


ที่คนค้นหาเกี่ยวกับเนื้อหานี้ :

แชทถามเรื่องอาหารแมว
คลิกที่นี่เพื่อ แอดไลน์มาได้เลย แอด Line คลิก