แมวท้องเสีย เกิดจากอะไร ควรดูแลและให้อาหารแบบไหนดี?
เมื่อแมวมีอาการเข้ากระบะทรายบ่อยครั้ง พร้อมการทิ้งของเสียอย่างอุจจาระเหลวไว้ ส่งกลิ่นเหม็นรุนแรง หรืออาจมีมูกเลือดเจือปนออกมา ถือว่าไม่ใช่เรื่องปกติแน่นอน! ดังนั้นเจ้าของต้องรีบพาน้องแมวไปพบสัตวแพทย์ทันที แต่ถ้าอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวยให้พาไปพบแพทย์ก็ควรหาวิธีรักษาและดูแลเบื้องต้นไปก่อน เพื่อไม่ให้แมวต้องเสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำจนอาจจะทำให้เสียชีวิตไปในที่สุด
เรื่องควรเข้าใจเกี่ยวกับอาการแมวท้องเสีย
แมวที่มีอาการท้องเสียอาจจะเกิดได้จากปัจจัยเล็กน้อย เพียงแค่การกินอาหารที่ไม่เหมาะสม, อาหารเน่าเสีย หรืออาหารปนเปื้อนเชื้อต่าง ๆ ไปจนถึงการเป็นสัญญาณเตือนเกี่ยวกับโรคร้ายที่อาจจะแทรกซ้อนอยู่ภายในตัวน้องแมวได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นทางเลือกที่ดีที่สุดของผู้ที่เป็นเจ้าของ คือ การนำพาน้องแมวไปพบสัตวแพทย์ทันทีที่พบว่าแมวเริ่มถ่ายเหลวผิดปกติมากกว่า 2 ครั้งขึ้นไป แต่ถ้าการถ่ายเหลวครั้งแรกพบเป็นมูกเลือดเจือปนก็ไม่ควรรอช้า! เพราะอาจจะยิ่งทำให้เสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้เร็วมากขึ้น
เมื่อแพทย์ได้วินิจฉัยอย่างละเอียดแล้ว จะได้พบถึงสาเหตุที่แท้จริง เพื่อทำให้สามารถดูแลและรักษาน้องแมวต่อไปได้อย่างถูกต้องที่สุด ดังนั้นเรื่องสำคัญของผู้ที่มีปัญหาน้องแมวท้องเสีย คือ การตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ไม่รอช้า แต่ถ้าสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยให้พาไปพบสัตวแพทย์ได้ หรืออาจจะต้องรอเวลาการเปิดของคลินิกสัตวแพทย์ คุณก็ควรรู้วิธีการดูแลเบื้องต้น เพื่อไม่ทำให้ปัญหาท้องเสียเล็ก ๆ กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่อาจจะทำให้ต้องเข้ารักษาอย่างเร่งด่วน หรือเสียชีวิตได้ง่ายอีกด้วย
แมวท้องเสีย เกิดจากสาเหตุใด
การเกิดปัญหาแมวท้องเสียนั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน ดังนั้นคุณจึงควรต้องติดตามพฤติกรรมให้ดี แต่สาเหตุหลักที่มักจะทำให้แมวท้องเสียจะมีดังนี้
- การกินอาหารสกปรก ติดเชื้อ หรืออาหารที่มีพยาธิ จึงทำให้เกิดปัญหาลำไส้อักเสบ
- มีอาการอักเสบ ติดเชื้อ และเลือดออกที่ระบบย่อยอาหารส่วนบน
- อาหารที่ให้น้องแมวมีความเข้มข้นมากเกินไปหรือมีขนาดเม็ดที่แข็ง จึงทำให้ระบบการย่อยไม่ดีและน้ำภายในร่างกายถูกดูดออกไปใช้งานมากผิดปกติ
- กินอาหารที่มีการปนเปื้อนสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อกระเพาะอาหารและลำไส้
- มีภาวะลำไส้แปรปรวน ทำงานผิดปกติ
- การออกกำลังกายที่มากเกินความจำเป็น ทำให้ภาวะสมดุลในร่างกายไม่เหมาะสม
- สัญญาณเตือนของโรคร้าย เช่น โรคลำไส้อักเสบขั้นรุนแรง, โรคไตวาย, โรคเกี่ยวกับทางเดินอาหาร และอีกหลายโรคที่จำเป็นต้องให้แพทย์วินิจฉัยเท่านั้น
อาการของแมวท้องเสีย
การติดตามดูพฤติกรรมการขับถ่ายของน้องแมวอย่างใกล้ชิดเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งถ้าคุณต้องการรู้ว่าน้องแมวของคุณมีอาการท้องเสียแล้วหรือยัง? สามารถติดตามดูอาการต่อไปนี้
- อุจจาระออกมาเหลว ส่วนมากจะเหลวจนเป็นน้ำ ไม่มีเนื้อ ไม่เป็นก้อน
- อุจจาระเหลวที่มาพร้อมกับเมือกและอาจจะมีเลือดติดมาด้วย
- อุจจาระเหลวที่มาพร้อมกับเส้นพยาธิและปรสิตบางชนิด
- มีการถ่ายเหลวร่วมกับอาการซึมลงอย่างเห็นได้ชัด
- มีอาการอ่อนเพลีย ไม่อยากให้ขยับตัว และเริ่มไม่กินอาหาร
- มีความเครียดสูง จึงทำให้ไม่เข้าพวกกับแมวตัวอื่น นอนหลบมุมหรือมีอารมณ์ก้าวร้าวรุนแรงผิดปกติ
- มีอาการอาเจียนร่วมด้วย
- ถ้าอาการหนักมากอาจจะทำให้ทรงตัวไม่อยู่ เดินไม่ไหว หรือเดินเซ ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าแมวอาจจะขาดน้ำอย่างรุนแรงและเสี่ยงต่ออาการช็อคจนเสียชีวิตได้
เมื่อแมวท้องเสีย ควรดูแลอย่างไร
เมื่อแมวเริ่มมีอาการท้องเสีย คุณควรดูแลก่อนไปถึงมือสัตวแพทย์ ด้วยวิธีการที่ถูกต้อง คือ
- หยุดการให้อาหารทุกประเภท
- เพิ่มการให้น้ำที่มีความสะอาด เพื่อลดความเสี่ยงต่อการขาดน้ำ
- ถ้าน้องแมวไม่ยอมกินน้ำ ให้ใช้ไซริงค์ดูดน้ำเพื่อป้อนน้ำตลอดทั้งวัน
- เพื่อลดความอ่อนเพลียและการเสียน้ำ ให้ผสมน้ำเกลือแร่กับน้ำอุ่นสะอาด แล้วดูดใส่ไซริงค์เพื่อป้อนน้องแมวเรื่อย ๆ
- เมื่ออาการเริ่มดีขึ้นให้ปรับเปลี่ยนเป็นอาหารเปียกก่อน เพื่อเป็นการปรับระบบลำไส้กับกระเพาะอาหาร
- เลือกสูตรอาหารสำหรับรักษาแมวท้องเสียโดยเฉพาะ
- ถ้าเลือกเป็นอาหารสูตรพิเศษสำหรับแมวมีอาการท้องเสียแบบเม็ด ควรเลือกเม็ดที่มีความนุ่ม เคี้ยวง่าย และย่อยสลายได้เร็วที่สุด
- จัดพื้นที่พักผ่อนที่มีความสงบและจัดกระบะทรายไว้ใกล้กับที่นอนอย่างเหมาะสม
- แยกแมวที่มีอาการท้องเสียออกจากแมวตัวอื่น
- งดการทำให้แมวรู้สึกเครียด ควรจัดพื้นที่ให้มีอากาศถ่ายเทสะดวกและไม่เข้าไปยุ่งกับแมวบ่อยมากนัก แต่ให้ตามดูพฤติกรรมอยู่ห่าง ๆ
- ถ้าพบว่าอาการของน้องแมวไม่ดีขึ้นและมีการถ่ายติดมูกเลือด ควรรีบส่งสัตวแพทย์อย่างรวดเร็ว
อาหารที่เหมาะสำหรับแมวท้องเสีย ควรเป็นอาหารแบบไหน
อาหารคือส่วนสำคัญที่จะช่วยรักษาทั้งระบบกระเพาะและลำไส้ของน้องแมว พร้อมช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อ ดังนั้นคุณจึงควรเลือกอาหารให้เหมาะสม ดังนี้
1.อาหารสูตรแมวท้องเสีย
อาหารสำเร็จสูตรแมวท้องเสีย ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบเม็ดหรือแบบอาหารเปียก ถือว่าเหมาะสมมากที่สุด เพราะจะเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้แมวหยุดอาการท้องเสียได้รวดเร็วและปลอดภัยที่สุด โดยจะมีส่วนผสมของโปรตีนที่ย่อยสลายง่าย รวมไปถึงคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลที่จะไม่สูงเกินไป มีสารอาหารที่ย่อยได้ง่าย มีทั้งกรดไขมันดี, โอเมก้า 3, วิตามิน, แร่ธาตุ และสารอาหารสำคัญต่าง ๆ ที่จะทำให้แมวลดเชื้อภายในลำไส้ ทำให้อุจจาระที่ขับถ่ายออกมาเป็นก้อน อาการท้องเสียจึงดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
2.อาหารฟื้นฟู
อาหารสูตรฟื้นฟูควรกินหลังอาการท้องเสียเริ่มเบาบางลง เพื่อช่วยฟื้นฟูระบบทางเดินอาหารทั้งหมดและป้องกันไม่ให้เกิดโรคแทรกซ้อน ที่อาจนำพาโรคร้ายมาสู่น้องแมวได้ ทั้งยังเป็นตัวช่วยเสริมสุขภาพให้กลับมาแข็งแรงอย่างรวดเร็ว ช่วยในเรื่องการควบคุมเรื่องก้อนขน ควบคุมน้ำหนัก และมีพรีไบโอติกที่จะทำให้ระบบย่อยอาหารกลับมามีความสมดุลใหม่อีกครั้ง
3.อาหารสดทำเอง
ถ้าคุณต้องการให้อาหารสูตรทำเอง ควรเลือกเป็นอาหารที่มีความสดใหม่ มีการปรุงสุกอยู่เสมอ แต่ควรรอให้อาหารอุ่นก่อนจึงค่อยให้น้องแมว โดยเลือกใช้เป็นเนื้อสัตว์ที่เคี้ยวง่ายและให้โปรตีนสูงอย่างเนื้อปลาทะเลหรือเนื้อไก่บด ผสมกับข้าวสุกที่ต้มกับน้ำซุปจนเปื่อย ซึ่งถือว่าเป็นสูตรอาหารสดที่สามารถทดแทนอาหารเปียกได้ดีเลยทีเดียว
สิ่งที่ควรป้องกัน เพื่อไม่ให้แมวกลับมาท้องเสีย
ถ้าคุณไม่ต้องการให้แมวสุดที่รักต้องกลับมาเสี่ยงต่อปัญหาท้องเสียอีกครั้ง คุณควรรู้วิธีป้องกันที่จะช่วยลดปัญหาท้องเสียและโรคร้ายต่าง ๆ ที่อาจจะตามมาหลังท้องเสียได้ คือ
- เลือกสูตรอาหารที่ช่วยรักษาระบบทางเดินอาหารของแมว
- ถ้าให้อาหารเม็ดควรเป็นอาหารที่มีความนุ่ม ไม่แข็งมากและย่อยได้ดี ทั้งในกระเพาะอาหารและลำไส้
- หลีกเลี่ยงการให้อาหารคน เพราะอาจทำให้ติดเชื้อได้ง่าย
- ควรเลี้ยงระบบปิด เพื่อป้องกันไม่ให้น้องแมวออกไปคุ้ยขยะหรือกินอาหารเน่าเสีย รวมไปถึงป้องกันการติดเชื้อจากสภาพแวดล้อมภายนอก
- กระตุ้นให้แมวกินน้ำตลอดทั้งวัน
- ให้อาหารอย่างเหมาะสม ไม่ควรให้มากจนเกินไป
- ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ใด ๆ ที่เป็นสารเคมีหนัก เพราะอาจทำให้แมวกลืนสารเคมีแล้วกลายเป็นอาการท้องเสียอย่างรุนแรงได้
- จัดพื้นที่นอนและพื้นที่ขับถ่ายให้มีความเป็นส่วนตัว มีความสะอาดอยู่เสมอ
- รักษาความสะอาดของภาชนะใส่อาหารและภาชนะใส่น้ำเป็นประจำ
แม้ว่าอาการท้องเสียอาจจะดูไม่น่ากลัว แต่ในความเป็นจริงแล้วถ้าปล่อยให้น้องแมวท้องเสียติดต่อกันบ่อยหลายครั้ง หรือเป็นแล้วกลับมาเป็นอีกอย่างรวดเร็ว อาจจะเป็นการบ่งบอกได้ถึงโรคร้ายที่แทรกซ้อนอยู่ภายในตัวของน้องแมว ถ้าไม่รีบรักษาอาจจะนำพาซึ่งอาการป่วยและทุกข์ทรมานมาสู่น้องแมวได้ ที่สำคัญที่สุดคืออาจจะทำให้เสียชีวิตได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย ดังนั้นคุณจึงไม่ควรนิ่งนอนใจ ติดตามดูพฤติกรรมน้องแมวอยู่เสมอ เมื่อพบว่าท้องเสียควรดูแลเบื้องต้นให้ดีและถ้าอาการรุนแรงขึ้น จนถึงขั้นถ่ายแล้วมีมูกเลือดหรือพยาธิ ควรรีบนำไปพบสัตวแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้องทันที
ที่คนค้นหาเกี่ยวกับเนื้อหานี้ :
- https://xn--y3cadbvcwdn4cb5b6jl com/เกี่ยวกับ/รักษา-แมว-ถ่ายเหลวออกมาเป็นเมือกและเลือด-ทำไงดี/
- https://xn--y3cadbvcwdn4cb5b6jl com/511/?=โรค/แมวป่วย-ท้องเสีย
- https://xn--y3cadbvcwdn4cb5b6jl com/เกี่ยวกับ/แมว-ถ่ายมีเลือดปนออกมา-ดูแลอย่างไร/
- https://xn--y3cadbvcwdn4cb5b6jl com/เกี่ยวกับ/แมว-ทรงตัวไม่อยู่-ดูแลอย่างไร/
- https://xn--y3cadbvcwdn4cb5b6jl com/เกี่ยวกับ/เเมวอาการ-ทรงตัวไม่อยู่-ทำไงดี/
- https://xn--y3cadbvcwdn4cb5b6jl com/เกี่ยวกับ/เเมวอาการ-เดินเซ-ดูแลอย่างไร/
- https://xn--y3cadbvcwdn4cb5b6jl com/เกี่ยวกับ/แมว-ถ่ายมีกลิ่นเหม็น-อาหาร/
- https://xn--y3cadbvcwdn4cb5b6jl com/เกี่ยวกับ/เเมวอาการ-มีความเครียดสูง-ทำไงดี/
- https://xn--y3cadbvcwdn4cb5b6jl com/เกี่ยวกับ/รักษาแมวเป็นเชื้อรา/
- https://xn--y3cadbvcwdn4cb5b6jl com/เกี่ยวกับ/เเมวอาการ-เดินเซ-ดูแลอย่างไร/#:~:text=มีอาการอ่อนเพลีย ไม่อยาก ช็อคจนเสียชีวิตได้