เหมียวๆ มะนุด เราหิวแล้ว

ถ้าคุณต้องการให้เป็นอาหารสดทำเอง คุณควรเลือกให้มีสัดส่วนของโปรตีนสูง, ลดไขมันเสีย, คาร์โบไฮเดรต, น้ำตาล และโซเดียมลงให้ได้มากที่สุด ซึ่งอาหารที่เหมาะสมสำหรับแมวลดน้ำหนัก คือ เนื้อปลาทะเลสด, อกไก่, ไข่ และมันฝรั่ง เป็นต้น

หมอแมวเมียว

Master
หน้าแรก เกี่ยวกับแมว เลี้ยงแมวระบบปิด

เรื่องราวเกี่ยวกับ: เลี้ยงแมวระบบปิด

5 วิธีบอกรัก เเบบฉบับ ของเจ้าเหมียว

5 วิธีบอกรักตามแบบฉบับน้องแมว แม้หน้าจะมึนแต่ก็รักนะ!

แม้ว่าน้องแมวจะดูไม่ชอบการแสดงออกถึงความรักต่อเจ้าของมากนัก แต่ในความเป็นจริงแล้วแมวถือว่าเป็นสัตว์ที่มีความฉลาดสูงและรักเจ้าของเหมือนกับสัตว์เลี้ยงทั่วไป เพียงแต่การแสดงออกอาจจะเป็นไปตามอารมณ์มากกว่า สำหรับเจ้าของน้องแมวแล้วไม่ต้องรู้สึกเสียใจไป เพราะน้องแมวจะมีวิธีบอกรักเฉพาะตัวที่จะทำให้คุณรู้ว่าเขารักคุณจริง ๆ ดัง 5 วิธีต่อไปนี้


1.เดินคลอเคลีย

ถ้าน้องแมวเดินมาคลอเคลียทุกครั้งที่เจอหน้ากัน โดยเป็นการนำส่วนลำตัวมาไถขาหรือตัวของคุณ จะยิ่งเป็นการบ่งบอกถึงความรักที่มีให้กับคุณเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ถ้าน้องแมวตัวไหนก้มศีรษะต่ำลง แล้วใช้ช่วงหัวไถที่แขนหรือขาของคุณจะยิ่งเป็นการบ่งบอกถึงการยอมรับต่อตัวคุณมากขึ้น

2.งับนิดให้ตกใจเล่น!

แมวบางตัวแสดงออกถึงความรักไม่เก่ง จึงใช้วิธีการงับนิด ๆ ให้เจ้าของรู้สึกตกใจ แต่การงับนี้จะไม่ก่อให้เกิดแผลหรืออันตรายใด ๆ แค่ทำให้เจ้าของรู้สึกตกใจเพียงเล็กน้อย หรือบางตัวอาจจะใช้ฟันหน้างับช่วงแขน, ขา หรือข้อศอกของคุณเบา ๆ เพื่อเป็นการบอกให้รู้ว่า

3.นอนทับทุกอย่างที่คุณสนใจ

อีกหนึ่งรูปแบบการบอกรักของน้องเหมียวที่ถือว่าแปลกพอสมควร คือ เมื่อใดที่คุณนั่งทำงานหรือนั่งเล่นแล้วน้องแมวจะขึ้นมานั่งทับสิ่งของทุกอย่างที่คุณสนใจอยู่ เช่น หนังสือ, คีย์บอร์ดหน้าคอมพิวเตอร์ และสิ่งของต่าง ๆ ที่คุณกำลังสนใจอยู่  จะเป็นการแสดงให้รู้ว่าน้องแมวต้องการดึงความสนใจของคุณมาสู่ตัวเขา จึงเป็นการบอกรักประมาณว่า “สนใจฉันสิมนุษย์”

4.ทิ้งตัวต่อหน้าคุณเสมอ

ภาวะทิ้งตัวต่อหน้าเจ้าของ ไม่ใช่แค่เพียงการบอกถึงความผ่อนคลายของน้องแมวเท่านั้น แต่ยังเป็นหนึ่งในรูปแบบของการบอกรักอย่างไว้ใจด้วยเช่นกัน เพราะถ้าน้องแมวไม่รู้สึกไว้ใจในสถานการณ์หรือผู้ที่อยู่รอบข้าง มักจะหลบซ่อนหรือนอนแบบเก็บเท้าเสมอ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่รู้สึกสบายใจ ไว้วางใจ และไม่เครียด จะทิ้งตัวต่อหน้าเจ้าของและนอนหงายเปิดพุงพร้อมกับเชิญชวนให้คุณได้ลูบขนของเขาอีกด้วย

5.เอาใจใส่คุณเป็นพิเศษ

เมื่อรักแล้วย่อมต้องเอาใจใส่เป็นพิเศษ ดังนั้นน้องแมวจึงจะไม่ปล่อยให้คุณดูแลเขาแค่ฝ่ายเดียว จึงบอกรักคุณด้วยกันเลียที่แขนหรือขาของคุณที่เปรียบเสมือนเป็นการเลียขนทำความสะอาดให้ นอกจากนี้ยังมีบริการนวดเพิ่มเติม เพื่อทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย ซึ่งถือว่าเป็นวิธีบอกรักที่น่าประทับใจเลยทีเดียว

ถ้าคุณอยากรู้ว่าน้องแมวรักคุณหรือไม่? ลองสังเกตจากอาการเหล่านี้ ถ้ามีมากกว่า 1 อาการขึ้นไป แสดงให้รู้ว่าเขารักคุณมากและไว้วางใจ พร้อมเปิดใจที่จะรับคุณเป็นเจ้าของเต็ม 100% แล้วนั่นเอง


ที่คนค้นหาเกี่ยวกับเนื้อหานี้ :

วิธีดูแล แมวเป็นโรคอ้วน อย่างถูกวิธีและวิธีป้องกัน

แมวเป็นโรคอ้วน ควรกินอาหารอะไรดีที่สุด

แมวอ้วนใครๆก็ว่าน่ารัก ปกติมันก็น่ารักอยู่แล้ว แต่ถ้ายิ่งอ้วน ยิ่งน่ารัก น่าฟัดยิ่งกว่าเดิม ถ้าเจ้าเหมียวตัวอ้วนกลม อ้วนมากเกินไปก็ไม่ดี แต่อย่างไรก็ตามทาสแมวก็ยังอยากให้แมวอ้วนอยู่ใช่ไหมล่ะ เราแนะนำว่าให้แมวอ้วนได้แต่ไม่ควรที่จะเป็น โรคอ้วน โดยโรคอ้วนในแมวนั้น สามารถให้เกิดภาวะแทรกซ้อนในเกือบทุกระบบและก่อให้เกิดโรคเบาหวาน โรคไขมันพอกตับ และข้อต่ออักเสบตามมาได้ ยิ่งเจ้าเหมียวเป็นพวกขี้เกียจ กินแล้วก็นอน ไม่ชอบวิ่งเล่น ก็ยิ่งอ้วนเร็วมากขึ้น


สิ่งที่ควรเข้าใจเกี่ยวกับแมวที่เป็นแมวเป็นโรคอ้วน

โรคอ้วนเป็นปัญหาหนึ่งที่พบบ่อยในแมว โรคอ้วน คือ ภาวะที่ร่างกายมีการสะสมของไขมันที่เนื้อเยื่อไขมันมากเกินไป สาเหตุหลักของโรคอ้วน คือ การที่น้องแมวของเรากินมากเกินไปและขาดการออกกำลังกาย นอกจากนี้ โรคอ้วนทำให้มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคเรื้อรังต่าง ๆตามมา เช่น

      • โรคข้อกระดูกเสื่อม
      • โรคตับอ่อนอักเสบ
      • โรคเบาหวาน
      • โรคหัวใจและหลอดเลือด
      • โรคระบบทางเดินหายใจ
      • โรคระบบทางเดินปัสสาวะ
      • โรคตับเสื่อม ไขมันพอกตับ

ความเสี่ยงของแมวที่เป็นโรคเหล่านี้ จะพบ ในแมวที่มีน้ำหนักตัวมากกว่าปกติ  ทาสแมวอย่างเราก็อยากจะให้น้องแมวอยู่กับเราไปนานๆ แต่ ความอ้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้น้องแมว ไปก่อนวัยอันควรได้ สามารถติดตามรายละเอียดสาเหตุของโรคอ้วนและการดูแลได้ภายในบทความนี้

แมวเป็นโรคอ้วนเกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง?

การเกิดโรคอ้วนในน้องแมวมีปัจจัยที่ส่งผลต่อความเสี่ยงหลากหลายปัจจัยด้วยกัน คือ

      • ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม :การเลี้ยงระบบปิด เช่นในบ้าน คอนโด หรืออพาร์ตเมนต์ ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคอ้วน
      • พฤติกรรมของเจ้าของ :ให้อาหารแบบให้แมวกดกินได้ตลอดเวลา การให้อาหารแมวแบบบุฟเฟ่ต์หรือตามใจให้ขนมกินเล่นทุกครั้งที่น้องอ้อน เป็นปัจจัยของการเกิดโรคอ้วนในแมวทั้งสิ้น
      • อายุ : อายุของน้องแมวเพิ่มมากขึ้น ทำให้ทำกิจกรรมลดน้อยลง
      • กิจกรรม: แมวที่ไม่สามารถออกกำลังกายกลางแจ้งมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนได้
      • การทำหมัน : น้องแมวที่ทำหมันแล้ว เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เป็น โรคอ้วน ได้ง่าย
      • เพศ : เพศเมียมีแนวโน้มอ้วนง่ายกว่าเพศผู้
      • ผิดปกติของฮอร์โมน : เช่น ไทรอยด์ต่ำ ทำให้อัตราการเผาผลาญต่ำลง หรือโรคฮอร์โมนต่อมหมวกไตสูง ส่งผลให้อัตราการเมตาบอลึซึมของร่างกายเปลี่ยนแปลงไป
      • อาหาร: การให้อาหารสูตรที่เหมาะสมกับช่วงวัยของน้องแมวหรือการให้อาหารคนที่มีการปรุงรสก็อาจเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้น้องแมวของเราเป็น โรคอ้วนได้

อาการของโรคอ้วนในแมว

สำหรับเจ้าของแมวที่รู้สึกกังวลใจว่าแมวของคุณจะเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนหรือไม่? สามารถสังเกตอาการได้ดังต่อไปนี้

      • นอนมากขึ้น : น้องแมวอ้วนมักจะนอนมากขึ้น
      • เหนื่อยง่าย: ถ้าน้องแมวแสดงอาการเหนื่อยเร็วมากขึ้น นั่นอาจจะป็นสัญญาณ เตือนภัย ของ โรคอ้วน มาเยือนน้องแมวของเราแล้ว
      • ไม่ขึ้นที่สูง :ถ้าน้องแมวมีพฤกรรมไม่ชอบกระโดดขึ้นที่สูง เนื่องจากน้ำหนักมากและข้อต่อทำงานแย่ลง เป็นเพราะน้ำหนักตัวมากเกินไปทำให้น้องแมวขยับตัวลำบากไม่คล่องเหมือนกับแมวที่ผอม ก็เลยเลือกที่จะอยู่ที่เตี้ยๆ แทนนั้นเอง
      • ขนร่วง : แมวที่มีน้ำหนักมากเกินไปจะทำความสะอาดขนด้วยตัวเองได้ยาก ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาผิวหนัง ทำให้ผิวหนังอ่อนแอ และขนร่วงมากผิดปกติ

เมื่อพบสัญญาณต่างๆเหล่านี้ แนะนำให้ไปพบสัตวแพทย์เพื่อทำการปรับอาหารและตรวจรักษา ก่อนที่จะลุกลามไปกันใหญ่ หรืออาจจะเกิดโรคต่างๆที่ร้ายแรงกับน้องแมว รวมถึงอาจทำให้น้องแมวมีอายุไขสั้นลง ได้ถึง 2.5 ปี ถ้ารู้ยังงี้ อย่าลืมกลับไปดูแลรูปร่างของน้องแมวให้สมส่วน และอยู่กับเราไปนานๆ

แมวเป็นโรคอ้วนควรดูแลอย่างไร

หากน้องแมวเป็นโรคอ้วนแล้ว และอยากจะให้น้องแมวลดน้ำหนัก ควรพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเรื่องอาหารที่เหมาะสมกับโรคและน้ำหนักตัวของแมว ตามวิธีนี้

      • เลือกอาหารแมวที่เป็น สูตรควบคุมน้ำหนัก ตามคำแนะนำของสัตวแพทย์
      • ให้อาหารน้องแมว โดยปรับเปลี่ยนจากการให้อาหารแบบบุฟเฟต์ โดยแบ่งเป็นมื้อย่อยๆ แทน ประมาณ 2-3 มื้อต่อวัน
      • ชวนน้องแมวออกไปทำกิจกรรม เดินเล่นเป็นประจำเพื่อช่วยให้น้องได้ออกกำลังกาย
      • ให้แมวกินอาหารเสริมหรือขนมสำหรับแมวแบบพอเหมาะ ห้ามให้กินเยอะมากเกินไป
      • ให้สัตวแพทย์ประเมินระดับน้ำหนักตัวของน้องแมว ว่าอยู่ในสภาวะปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคอื่นๆตามมาด้วยไหม
      • ควรปรึกษากับสัตวแพทย์ ถึงขั้นตอนการลดความน้ำหนัก และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เนื่องจากหากน้ำหนักน้องแมวลดลงอย่างรวดเร็วมากเกินไป อาจทำให้เกิดภาวะไขมันสะสมในตับ หรือโรค Hepatic Lipidosis ได้

อาหารที่เหมาะสำหรับแมวที่เป็นโรคอ้วน เป็นอาหารแบบไหน ให้อาหารอะไรได้บ้าง

อาหารคือส่วนสำคัญที่ให้แมวที่เป็นโรคอ้วน กลับมามีสุขภาพที่ดีขึ้น ดังนั้นลองดูว่ามีสูตรอาหารแบบใดบ้างที่เหมาะสมต่อแมวที่เป็นโรคอ้วนนี้

1.สูตรอาหารไขมันต่ำ เป็นการควบคุมพลังงานที่เหมาะสม ในการลดน้ำหนักของน้องแมว โดยอาหารที่ให้ยังคงมีความน่ากินอยู่เพราะน้องแมวหลังทำหมันส่วนใหญ่จะทานอาหารในปริมาณมากขึ้นซึ่งก็จะทำให้เกิดปัญหาโรคอ้วนตามมาได้ง่าย

2.สูตรอาหารพลังงานต่ำ ทำให้ร่างกายของน้องแมวต้องดึงพลังงานออกมาใช้ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบของไขมัน

3.สูตรอาหารใยอาหารสูง ทำให้มวลของอาหารเพิ่มขึ้น เพิ่มความอิ่มและอยู่ท้องทำให้น้องแมวรู้สึกอิ่มได้นาน

4.สูตรอาหารแอลคาร์นิทีนสูง ก็จะมีส่วนช่วยในการเผาผลาญและลดมวลไขมันในร่างกายของน้องแมวด้วยจึงเหมาะสมในการควบคุมหรือลดน้ำหนักได้ดี

5.สูตรอาหารโปรตีนสูง เพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อลดความเสี่ยงของการสลายกล้ามเนื้อ และยังช่วยให้น้องแมวรู้สึกอิ่มมากขึ้น

ดังนั้นอาหารที่ผลิตออกมาสำหรับแมวแต่ละช่วงอายุจะมีปริมาณพลังงานหรือแคลอรี่ที่ต่างกัน ทางที่ดีที่สุด คุณควรเลือกอาหารให้เหมาะกับแมวของคุณ เพื่อให้เค้าได้รับพลังงานในแต่ละวันที่เหมาะสม ไม่ควรคำนึงถึงเรื่องลดน้ำหนักมากจนไปเกินไปเพราะไม่เช่นนั้นน้องแมวอาจไม่มีแรงหรือได้รับสารอาหารไม่เพียงพอได้

สิ่งที่ควรป้องกัน เพื่อไม่ให้แมวเป็นโรคอ้วน

ถ้าคุณไม่อยากให้น้องแมวของคุณป็นโรคอ้วนและเสี่ยงกับโรคต่างๆที่ตามมา คุณควรหาวิธีป้องกันและดูแลเจ้าแมวเหมียว ให้ห่างจากโรคอ้วน ด้วยวิธีดังต่อไปนี้

      • พาน้องแมวไปเดินเล่นเป็นประจำ เพื่อฝึกวินัยให้น้องแมวได้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
      • ควบคุมปริมาณอาหาร ของน้องแมวในแต่ละวันให้เหมาะสม
      • เลือกประเภทอาหารให้เหมาะสมกับวัยและสายพันธุ์ของน้องแมว
      • ใช้ของเล่น เพื่อเป็นการกระตุ้นให้น้องแมวได้ขยับตัวบ้าง
      • ให้ขนมแบบพอเหมาะ เพียงแค่สัปดาห์ละ 1-2 ครั้งเท่านั้น
      • ให้ดื่มน้ำอย่างเพียงพอ ถ้าน้องแมวได้กินน้ำเพียงพอจะทำร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดี

สำหรับเจ้าของแมวทั้งหลาย มักจะมองว่า แมวอ้วนคือแมวที่น่ารักแต่ในความอ้วนนี้อาจจะแฝงไปด้วยพิษภัยของโรคอ้วนที่มาอย่างเงียบ ๆ แต่ก็อาจจะมีอาการบ่งบอกให้เราได้รู้ ภัยเงียบเหล่านั้นก็จะค่อย ๆ สะสม รอวันแสดงออกมาอย่างร้ายแรงทั้งในรูปแบบของ โรคหัวใจ โรคตับ ตับอ่อน เบาหวาน นิ่วและกระเพาะปัสสาวะอักเสบ และโรคอื่น ๆ อีกมากมายที่ล้วนมีปัจจัยเสริมมาจากความอ้วนอยู่ภายในตัวน้องแมวสุดที่รักทั้งสิ้น ดังนั้นถ้าการเลี้ยงให้แค่ดูน่ารัก หุ่นสวยพอเหมาะ รูปร่างสวย แต่เน้นเรื่องอาหารแมว สูตรลดน้ำหนักเป็นตัวช่วยควบคุมน้ำหนัก ที่ทำให้น้องแมวมีสุขภาพที่ดีและขนที่สวยงาม ดวงตาสดใส มีความร่าเริงน่ารักสดใสตามวัย จะเป็นเรื่องที่ดีมากที่สุดแล้ว


ที่คนค้นหาเกี่ยวกับเนื้อหานี้ :

5 พฤติกรรมของเจ้าเหมียว ที่บ่งบอกความเป็นเจ้าของ

5 พฤติกรรมความกวนที่เหมียวทำ เพื่อบ่งบอกความเป็นเจ้าของ

แมวถือว่าเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีพฤติกรรมความกวนมาเป็นอันดับ 1 ทั้งยังชอบแสดงออกถึงความเป็นเจ้าของด้วยอาการหรือพฤติกรรมที่ค่อนข้างแปลกไปกว่าสัตว์ประเภทอื่น ดังนั้นจึงจะขอพาคุณไปดูพฤติกรรมความกวนที่เหมียวชอบทำ เพื่อเป็นการบ่งบอกถึงความเป็นเจ้าของ ดังนี้


1.นอนทับมันซะเลย!

ไม่ว่าจะเป็นของชิ้นใดก็ตาม ถ้าน้องแมวของคุณถูกใจและต้องการมัน! จะขึ้นไปนอนทับทันที ซึ่งจะต่างไปจากการบอกรักที่ชอบทับของต่าง ๆ ตรงหน้าเจ้าของ หรือเป็นสิ่งของที่คุณกำลังสนใจอยู่ เพราะถ้าแมวต้องการสิ่งใดเป็นพิเศษ เพื่อต้องการนำไปเล่นหรือครอบครองไว้ก็จะขึ้นไปนอนทับทุกอย่างที่ต้องการแบบไม่ยอมลงมา ต่อให้แมวตัวไหนมากวนก็จะไม่ยอมออกจากจุดที่ทับไว้ ซึ่งเป็นการแสดงให้รู้ว่าสิ่งของนี้ถูกจองไว้แล้วนั่นเอง

 

2.ไถขนทิ้งกลิ่น

อีกหนึ่งวิธีบ่งบอกความเป็นเจ้าของ คือ การไถขนไว้ตามจุดต่าง ๆ เพื่อเป็นการทิ้งกลิ่น หรือถ้ามีสิ่งของใดที่ถูกใจเป็นพิเศษรวมไปถึงที่นอน จะทำการกลิ้งตัวไปทั่วและไถขนอย่างเต็มที่ เพื่อเป็นการบอกให้แมวตัวอื่นรู้ว่าสิ่งของหรือสถานที่นี้เป็นของตัวเองเท่านั้น ห้ามเข้ามายุ่งเด็ดขาด

3.ตามติดตลอดเวลา

การแสดงออกถึงความเป็นเจ้าของในตัวผู้เลี้ยง ถือว่าเป็นอีกหนึ่งความกวนของน้องแมว นั่นคือการเดินตามติดตลอดเวลา แทบไม่ละสายตาไปจากคุณ ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนก็จะคอยเดินตามอยู่เสมอ แม้แต่เข้าห้องน้ำก็จะเคาะประตูเรียกหรือยื่นอุ้งเท้าน้อย ๆ ลอดช่องประตูเข้าไป เพื่อแสดงให้รู้ว่า “ฉันรออยู่นะ” นอกจากนี้ยังพยายามเข้าไปทุกห้องและเข้าไปอยู่ทุกส่วนในชีวิตของคุณ แม้แต่การนั่งทำงาน ขอเพียงแค่ได้อยู่ใกล้ ๆ แล้วใช้ช่วงแก้มหนุนแขนคุณไว้ก็ยังดี!

4.เล่นอยู่กับคุณคนเดียว

ถ้ารักและต้องการเป็นเจ้าของแล้ว แมวจะเล่นอยู่กับสิ่งนั้นจนแทบไม่ยอมไปไหน เช่นเดียวกับการบ่งบอกความเป็นเจ้าของผู้เลี้ยง ดังนั้นแมวจะเล่นกับคุณเพียงแค่คนเดียว โดยจะไม่เล่นกับแมวตัวอื่นเลยแม้แต่น้อย ซึ่งถ้ามีแมวตัวอื่นพยายามมาเล่นกับคุณก็จะรีบเข้ามาเล่นด้วยทันที! พร้อมทำท่าทีให้แมวอีกตัวรู้ว่า “ห้ามยุ่งกับเจ้าของฉันนะ เพราะฉันจองแล้ว”

5.ฉี่ใส่ซะเลย

อีกหนึ่งวิธีการแสดงความเป็นเจ้าของสถานที่หรือสิ่งของต่าง ๆ ที่ถือว่ากวนแบบสุด ๆ คือ การฉี่ใส่ทุกอย่าง แม้จะทำหมันมาแล้วแต่ก็ยังคงมีพฤติกรรมฉี่ใส่ของ, ฉี่ใส่ผ้าม่าน, ฉี่ใส่ที่นอน และฉี่ใส่ของทั่วบ้าน หรือแม้แต่เสื้อผ้าคนเลี้ยง เพื่อเป็นการบ่งบอกถึงอาณาเขตและการแสดงความเป็นเจ้าของที่พาให้ผู้เลี้ยงรู้สึกปวดหัวไม่น้อยเลยทีเดียว

สำหรับผู้ที่เลี้ยงแมวแล้วพบพฤติกรรมเหล่านี้ภายในแมวของคุณ ให้รู้ไว้เลยว่าน้องเหมียวกำลังแสดงออกถึงความเป็นเจ้าของ ที่อาจจะทำให้คุณได้ทั้งรู้สึกขำและรู้สึกปวดหัวไปในเวลาเดียวกันอีกด้วย


ที่คนค้นหาเกี่ยวกับเนื้อหานี้ :

6 เรื่องสำคัญของมือใหม่หัดเลี้ยงแมว เรียนรู้ก่อนมีเจ้านายตัวจริง

6 เรื่องสำคัญของมือใหม่หัดเลี้ยงแมว เรียนรู้ก่อนมีเจ้านายตัวจริง

คำเคลมที่ว่า “คุณไม่ได้เลี้ยงแมว แต่แมวต่างหากที่เลือกเจ้าของเอง” ไม่ใช่เป็นแค่การพูดลอย ๆ แบบไร้เหตุผล เพราะแม้แต่นักวิจัยเกี่ยวกับแมวก็ยังมีการแสดงผลว่าต่อให้คุณซื้อแมวพันธุ์มาเลี้ยง แต่ถ้าแมวไปเจอคนอื่นที่ถูกใจมากกว่าก็พร้อมจะย้ายบ้านไปอยู่กับคน ๆ นั้นทันที! ดังนั้นถ้าคุณเป็นมือใหม่ที่กำลังจะเลี้ยงแมวและเลี้ยงได้อย่างราบรื่น สามารถมัดใจแมวได้ ลองมาดู 6 เรื่องสำคัญของมือใหม่หัดเลี้ยงแมวที่คุณควรรู้ ดังนี้

1.ความสะอาดมาที่ 1

แมวเป็นสัตว์ที่รักความสะอาดเป็นอย่างมาก ดังนั้นคุณจะต้องเน้นเรื่องความสะอาดมาเป็นที่ 1 ไม่ว่าจะเป็นที่นอน, ที่ให้อาหาร, น้ำดื่ม หรือกระบะทราย ทุกส่วนจะต้องสะอาดทั้งหมด ไม่เช่นนั้นอาจทำให้น้องแมวรู้สึกเครียดจนพฤติกรรมเปลี่ยนและหนีคุณไปในที่สุด

2.วัคซีนต้องครบ

อีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่คุณควรรู้ก่อนรับน้องแมวมาเลี้ยง คือ เมื่อได้แมวมาแล้ว ควรทำการฉีดวัคซีนให้ครบตามช่วงเวลาที่สัตวแพทย์แนะนำ โดยจะมีทั้งวัคซีนหลักและวัคซีนที่คุณเลือกได้ สำหรับวัคซีนหลักที่คุณควรฉีดให้กับแมว คือ โรคหวัดแมว, ไวรัสไข้หัดแมว และไวรัสมะเร็งเม็ดเลือดขาว ที่ถือว่าเป็นโรคน่ากลัวและแมวก็มักจะเป็นโรคเหล่านี้บ่อยครั้งมากที่สุด

3.ค่อยเป็นค่อยไป

เมื่อคุณรับแมวมาเลี้ยงแล้ว ควรปล่อยให้แมวสำรวจห้องต่าง ๆ ภายในบ้านอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ควรดุหรือทำท่าทีทำร้ายแมวตั้งแต่วันแรก ๆ ที่รับมาเลี้ยงเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นอาจทำให้แมวรู้สึกกลัวและไม่ไว้วางใจคุณอีกต่อไป

4.ไม่บังคับหรือฝืนใจ

ถ้าคุณเจอกับแมวในวันแรก ๆ ไม่ควรบังคับหรือฝืนใจให้ต้องถูกกอด, นอนด้วยกัน รวมไปถึงการใส่ปลอกคอ, เสื้อ และบังคับทำเรื่องต่าง ๆ ที่อาจจะทำให้แมวรู้สึกเครียดมากยิ่งขึ้น เพราะการเปลี่ยนที่อยู่ใหม่และการได้เจ้าของใหม่เป็นประสบการณ์ที่แมวยังไม่เคยเจอมาก่อน จึงก่อให้เกิดความเครียดและวิตกกังวลง่ายเลยทีเดียว

5.เลี้ยงระบบปิด แต่ต้องมีกิจกรรม

การเลี้ยงระบบปิดถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะช่วยป้องกันอันตรายในหลาย ๆ ด้าน แต่ก็ควรจะต้องมีกิจกรรมภายในบ้านที่ทำให้น้องแมวได้ออกกำลังกายและไม่รู้สึกเบื่อหน่าย ทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายในอนาคต

6.สร้างความสัมพันธ์ที่ดี

เมื่อคุณรับแมวมาเลี้ยงประมาณ 3-5 วันแล้ว ให้คุณค่อย ๆ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับแมวไปเรื่อย ๆ ด้วยการให้ขนม, การลูบหัว, การแปรงขน และร่วมเล่นไปกับน้องแมว เพื่อทำให้แมวของคุณรู้สึกไว้วางใจมากขึ้น

สำหรับผู้ที่กำลังพิจารณาจะรับแมวมาเลี้ยงและเป็นมือใหม่ที่ยังไม่เคยผ่านการเลี้ยงแมวมาก่อน คุณควรรู้ทั้ง 6 เรื่องนี้ พร้อมไปด้วยการเตรียมของเกี่ยวกับแมวให้พร้อม ที่สำคัญคือคุณจะต้องรักและดูแล พร้อมให้อภัย ใจเย็นมากที่สุด เพื่อทำให้คุณและแมวสามารถอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

ที่คนค้นหาเกี่ยวกับเนื้อหานี้ :

5 วิธีแก้ร้อนให้น้องแมวเหมียว

ร้อนแล้วต้องระวัง! มาดู 5 วิธีแก้ร้อนให้น้องแมวเหมียว

อากาศร้อนถือว่าเป็นศัตรูกับสัตว์ทุกสายพันธุ์ หนึ่งในนั้นคือน้องแมวที่ไม่ค่อยถูกโรคกับความร้อนมากนัก ซึ่งหน้าร้อนนี้ เจ้าของน้องแมวทั้งหลาย จึงควรระมัดระวังเรื่องการดูแลสุขภาพให้ดี ไม่เช่นนั้นอาจเกิดปัญหาและกลายเป็นการเสียชีวิตอย่างรวดเร็วของน้องแมวได้ ดังนั้นลองมาดูมาดูวิธีแก้ร้อนให้เจ้านายสุดที่รักของคุณ ดังนี้

1.ให้น้ำเย็นสดชื่น

ควรตั้งจุดให้น้ำเพิ่ม โดยกระจายไปทั่วบ้านพร้อมการใส่น้ำแข็งก้อนเล็กไว้ตามจุดให้น้ำต่าง ๆ เพื่อทำให้น้ำมีความเย็นที่จะช่วยสร้างความสดชื่นให้กับน้องแมวได้มากยิ่งขึ้น

2.เพิ่มพัดลมให้เหมียว

ถ้าคุณไม่สะดวกต่อการเปิดแอร์ในช่วงเวลาที่ไม่อยู่บ้าน ควรเพิ่มพัดลมให้กับน้องแมว แต่เน้นให้ใช้เป็นพัดลมที่มีคุณภาพและควรตรวจสอบพัดลมกับปลั๊กไฟอยู่เสมอ เพื่อป้องกันปัญหาไฟลุกไหม้พัดลมในขณะไม่อยู่บ้าน แต่ถ้าบ้านของคุณมีการใช้ระบบ Smart Home คุณจะสามารถควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ผ่านทางสมาร์ทโฟนได้ ดังนั้นคุณจึงเปิดและปิดหรือตั้งเวลาแอร์ได้ตามที่ต้องการ

3.อาบน้ำ-ตัดขนให้เรียบร้อย

การอาบน้ำควรเพิ่มเป็นสัปดาห์ละ 1 ครั้งหรือ 2 สัปดาห์ครั้ง นอกจากนี้ควรตัดขนให้สั้นมากที่สุด เพื่อทำให้แมวรู้สึกสบายตัวมากขึ้น ทั้งยังช่วยทำให้ขนของน้องแมวและผิวหนังมีความสะอาด ช้วยทำให้ขนที่ขึ้นใหม่มีสุขภาพที่แข็งแรงและเงางามมากขึ้นอีกด้วย

4.ปิดผ้าม่านให้ดี

ถ้าคุณไม่อยู่บ้านควรปิดผ้าม่านทั้งบริเวณประตูหน้าบ้านและหน้าต่าง เพื่อเป็นการลดความร้อนจากแสงแดดภายนอกบ้าน เมื่อคุณเปิดพัดลมหรือเปิดแอร์ก็จะช่วยทำให้ความเย็นยังคงอยู่ได้นาน แต่ถ้าคุณมีจุดที่สามารถระบายอากาศได้จะยิ่งดีมาก เพราะการที่ถ่ายเทอากาศจะช่วยทำให้เกิดความโปร่งสบายมากขึ้น

5.ทำความสะอาดพื้นบ้าน

จัดการทำความสะอาดพื้นบ้านและเคลียร์พื้นที่ให้ได้มากที่สุด เพื่อทำให้น้องแมวมีพื้นที่ในการนอนช่วงเวลากลางวัน ยิ่งถ้าบ้านของคุณเป็นพื้นกระเบื้องด้วยแล้ว ควรทำความสะอาดทุกวัน เพื่อให้น้องแมวได้พักผ่อนช่วงกลางวันอย่างเย็นสบายที่สุด

ช่วงหน้าร้อนคุณควรจะต้องดูแลสุขภาพของแมวและสัตว์เลี้ยงประเภทอื่น ๆ ให้ดี เพราะถ้าอากาศร้อนมากเกินไปอาจจะก่อให้เกิดโรคฮีทสโตรกที่จะทำให้สัตว์เลี้ยงเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว หรือถ้าได้รับการรักษาทันก็แทบจะทำให้สมองถูกทำลายและอาจจะกลายเป็นสัตว์พิการได้ ดังนั้นจึงไม่ควรเสี่ยงให้สัตว์เลี้ยงต้องรู้สึกร้อนจนเกิดปัญหา ดังนั้นคุณจึงควรใช้ทั้ง 5 วิธีแก้ร้อนเพื่อทำให้แมวของคุณมีความสุขไปกับหน้าร้อนนี้มากขึ้น

 

ที่คนค้นหาเกี่ยวกับเนื้อหานี้ :

แชทถามเรื่องอาหารแมว
คลิกที่นี่เพื่อ แอดไลน์มาได้เลย แอด Line คลิก