เหมียวๆ มะนุด เราหิวแล้ว

ถ้าคุณต้องการให้เป็นอาหารสดทำเอง คุณควรเลือกให้มีสัดส่วนของโปรตีนสูง, ลดไขมันเสีย, คาร์โบไฮเดรต, น้ำตาล และโซเดียมลงให้ได้มากที่สุด ซึ่งอาหารที่เหมาะสมสำหรับแมวลดน้ำหนัก คือ เนื้อปลาทะเลสด, อกไก่, ไข่ และมันฝรั่ง เป็นต้น

หมอแมวเมียว

Master
หน้าแรก เกี่ยวกับแมว แมวเป็นโรคไต ผอมมาก

เรื่องราวเกี่ยวกับ: แมวเป็นโรคไต ผอมมาก

วิธีดูแล แมวเป็นโรคอ้วน อย่างถูกวิธีและวิธีป้องกัน

แมวเป็นโรคอ้วน ควรกินอาหารอะไรดีที่สุด

แมวอ้วนใครๆก็ว่าน่ารัก ปกติมันก็น่ารักอยู่แล้ว แต่ถ้ายิ่งอ้วน ยิ่งน่ารัก น่าฟัดยิ่งกว่าเดิม ถ้าเจ้าเหมียวตัวอ้วนกลม อ้วนมากเกินไปก็ไม่ดี แต่อย่างไรก็ตามทาสแมวก็ยังอยากให้แมวอ้วนอยู่ใช่ไหมล่ะ เราแนะนำว่าให้แมวอ้วนได้แต่ไม่ควรที่จะเป็น โรคอ้วน โดยโรคอ้วนในแมวนั้น สามารถให้เกิดภาวะแทรกซ้อนในเกือบทุกระบบและก่อให้เกิดโรคเบาหวาน โรคไขมันพอกตับ และข้อต่ออักเสบตามมาได้ ยิ่งเจ้าเหมียวเป็นพวกขี้เกียจ กินแล้วก็นอน ไม่ชอบวิ่งเล่น ก็ยิ่งอ้วนเร็วมากขึ้น


สิ่งที่ควรเข้าใจเกี่ยวกับแมวที่เป็นแมวเป็นโรคอ้วน

โรคอ้วนเป็นปัญหาหนึ่งที่พบบ่อยในแมว โรคอ้วน คือ ภาวะที่ร่างกายมีการสะสมของไขมันที่เนื้อเยื่อไขมันมากเกินไป สาเหตุหลักของโรคอ้วน คือ การที่น้องแมวของเรากินมากเกินไปและขาดการออกกำลังกาย นอกจากนี้ โรคอ้วนทำให้มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคเรื้อรังต่าง ๆตามมา เช่น

      • โรคข้อกระดูกเสื่อม
      • โรคตับอ่อนอักเสบ
      • โรคเบาหวาน
      • โรคหัวใจและหลอดเลือด
      • โรคระบบทางเดินหายใจ
      • โรคระบบทางเดินปัสสาวะ
      • โรคตับเสื่อม ไขมันพอกตับ

ความเสี่ยงของแมวที่เป็นโรคเหล่านี้ จะพบ ในแมวที่มีน้ำหนักตัวมากกว่าปกติ  ทาสแมวอย่างเราก็อยากจะให้น้องแมวอยู่กับเราไปนานๆ แต่ ความอ้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้น้องแมว ไปก่อนวัยอันควรได้ สามารถติดตามรายละเอียดสาเหตุของโรคอ้วนและการดูแลได้ภายในบทความนี้

แมวเป็นโรคอ้วนเกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง?

การเกิดโรคอ้วนในน้องแมวมีปัจจัยที่ส่งผลต่อความเสี่ยงหลากหลายปัจจัยด้วยกัน คือ

      • ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม :การเลี้ยงระบบปิด เช่นในบ้าน คอนโด หรืออพาร์ตเมนต์ ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคอ้วน
      • พฤติกรรมของเจ้าของ :ให้อาหารแบบให้แมวกดกินได้ตลอดเวลา การให้อาหารแมวแบบบุฟเฟ่ต์หรือตามใจให้ขนมกินเล่นทุกครั้งที่น้องอ้อน เป็นปัจจัยของการเกิดโรคอ้วนในแมวทั้งสิ้น
      • อายุ : อายุของน้องแมวเพิ่มมากขึ้น ทำให้ทำกิจกรรมลดน้อยลง
      • กิจกรรม: แมวที่ไม่สามารถออกกำลังกายกลางแจ้งมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนได้
      • การทำหมัน : น้องแมวที่ทำหมันแล้ว เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เป็น โรคอ้วน ได้ง่าย
      • เพศ : เพศเมียมีแนวโน้มอ้วนง่ายกว่าเพศผู้
      • ผิดปกติของฮอร์โมน : เช่น ไทรอยด์ต่ำ ทำให้อัตราการเผาผลาญต่ำลง หรือโรคฮอร์โมนต่อมหมวกไตสูง ส่งผลให้อัตราการเมตาบอลึซึมของร่างกายเปลี่ยนแปลงไป
      • อาหาร: การให้อาหารสูตรที่เหมาะสมกับช่วงวัยของน้องแมวหรือการให้อาหารคนที่มีการปรุงรสก็อาจเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้น้องแมวของเราเป็น โรคอ้วนได้

อาการของโรคอ้วนในแมว

สำหรับเจ้าของแมวที่รู้สึกกังวลใจว่าแมวของคุณจะเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนหรือไม่? สามารถสังเกตอาการได้ดังต่อไปนี้

      • นอนมากขึ้น : น้องแมวอ้วนมักจะนอนมากขึ้น
      • เหนื่อยง่าย: ถ้าน้องแมวแสดงอาการเหนื่อยเร็วมากขึ้น นั่นอาจจะป็นสัญญาณ เตือนภัย ของ โรคอ้วน มาเยือนน้องแมวของเราแล้ว
      • ไม่ขึ้นที่สูง :ถ้าน้องแมวมีพฤกรรมไม่ชอบกระโดดขึ้นที่สูง เนื่องจากน้ำหนักมากและข้อต่อทำงานแย่ลง เป็นเพราะน้ำหนักตัวมากเกินไปทำให้น้องแมวขยับตัวลำบากไม่คล่องเหมือนกับแมวที่ผอม ก็เลยเลือกที่จะอยู่ที่เตี้ยๆ แทนนั้นเอง
      • ขนร่วง : แมวที่มีน้ำหนักมากเกินไปจะทำความสะอาดขนด้วยตัวเองได้ยาก ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาผิวหนัง ทำให้ผิวหนังอ่อนแอ และขนร่วงมากผิดปกติ

เมื่อพบสัญญาณต่างๆเหล่านี้ แนะนำให้ไปพบสัตวแพทย์เพื่อทำการปรับอาหารและตรวจรักษา ก่อนที่จะลุกลามไปกันใหญ่ หรืออาจจะเกิดโรคต่างๆที่ร้ายแรงกับน้องแมว รวมถึงอาจทำให้น้องแมวมีอายุไขสั้นลง ได้ถึง 2.5 ปี ถ้ารู้ยังงี้ อย่าลืมกลับไปดูแลรูปร่างของน้องแมวให้สมส่วน และอยู่กับเราไปนานๆ

แมวเป็นโรคอ้วนควรดูแลอย่างไร

หากน้องแมวเป็นโรคอ้วนแล้ว และอยากจะให้น้องแมวลดน้ำหนัก ควรพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเรื่องอาหารที่เหมาะสมกับโรคและน้ำหนักตัวของแมว ตามวิธีนี้

      • เลือกอาหารแมวที่เป็น สูตรควบคุมน้ำหนัก ตามคำแนะนำของสัตวแพทย์
      • ให้อาหารน้องแมว โดยปรับเปลี่ยนจากการให้อาหารแบบบุฟเฟต์ โดยแบ่งเป็นมื้อย่อยๆ แทน ประมาณ 2-3 มื้อต่อวัน
      • ชวนน้องแมวออกไปทำกิจกรรม เดินเล่นเป็นประจำเพื่อช่วยให้น้องได้ออกกำลังกาย
      • ให้แมวกินอาหารเสริมหรือขนมสำหรับแมวแบบพอเหมาะ ห้ามให้กินเยอะมากเกินไป
      • ให้สัตวแพทย์ประเมินระดับน้ำหนักตัวของน้องแมว ว่าอยู่ในสภาวะปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคอื่นๆตามมาด้วยไหม
      • ควรปรึกษากับสัตวแพทย์ ถึงขั้นตอนการลดความน้ำหนัก และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เนื่องจากหากน้ำหนักน้องแมวลดลงอย่างรวดเร็วมากเกินไป อาจทำให้เกิดภาวะไขมันสะสมในตับ หรือโรค Hepatic Lipidosis ได้

อาหารที่เหมาะสำหรับแมวที่เป็นโรคอ้วน เป็นอาหารแบบไหน ให้อาหารอะไรได้บ้าง

อาหารคือส่วนสำคัญที่ให้แมวที่เป็นโรคอ้วน กลับมามีสุขภาพที่ดีขึ้น ดังนั้นลองดูว่ามีสูตรอาหารแบบใดบ้างที่เหมาะสมต่อแมวที่เป็นโรคอ้วนนี้

1.สูตรอาหารไขมันต่ำ เป็นการควบคุมพลังงานที่เหมาะสม ในการลดน้ำหนักของน้องแมว โดยอาหารที่ให้ยังคงมีความน่ากินอยู่เพราะน้องแมวหลังทำหมันส่วนใหญ่จะทานอาหารในปริมาณมากขึ้นซึ่งก็จะทำให้เกิดปัญหาโรคอ้วนตามมาได้ง่าย

2.สูตรอาหารพลังงานต่ำ ทำให้ร่างกายของน้องแมวต้องดึงพลังงานออกมาใช้ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบของไขมัน

3.สูตรอาหารใยอาหารสูง ทำให้มวลของอาหารเพิ่มขึ้น เพิ่มความอิ่มและอยู่ท้องทำให้น้องแมวรู้สึกอิ่มได้นาน

4.สูตรอาหารแอลคาร์นิทีนสูง ก็จะมีส่วนช่วยในการเผาผลาญและลดมวลไขมันในร่างกายของน้องแมวด้วยจึงเหมาะสมในการควบคุมหรือลดน้ำหนักได้ดี

5.สูตรอาหารโปรตีนสูง เพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อลดความเสี่ยงของการสลายกล้ามเนื้อ และยังช่วยให้น้องแมวรู้สึกอิ่มมากขึ้น

ดังนั้นอาหารที่ผลิตออกมาสำหรับแมวแต่ละช่วงอายุจะมีปริมาณพลังงานหรือแคลอรี่ที่ต่างกัน ทางที่ดีที่สุด คุณควรเลือกอาหารให้เหมาะกับแมวของคุณ เพื่อให้เค้าได้รับพลังงานในแต่ละวันที่เหมาะสม ไม่ควรคำนึงถึงเรื่องลดน้ำหนักมากจนไปเกินไปเพราะไม่เช่นนั้นน้องแมวอาจไม่มีแรงหรือได้รับสารอาหารไม่เพียงพอได้

สิ่งที่ควรป้องกัน เพื่อไม่ให้แมวเป็นโรคอ้วน

ถ้าคุณไม่อยากให้น้องแมวของคุณป็นโรคอ้วนและเสี่ยงกับโรคต่างๆที่ตามมา คุณควรหาวิธีป้องกันและดูแลเจ้าแมวเหมียว ให้ห่างจากโรคอ้วน ด้วยวิธีดังต่อไปนี้

      • พาน้องแมวไปเดินเล่นเป็นประจำ เพื่อฝึกวินัยให้น้องแมวได้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
      • ควบคุมปริมาณอาหาร ของน้องแมวในแต่ละวันให้เหมาะสม
      • เลือกประเภทอาหารให้เหมาะสมกับวัยและสายพันธุ์ของน้องแมว
      • ใช้ของเล่น เพื่อเป็นการกระตุ้นให้น้องแมวได้ขยับตัวบ้าง
      • ให้ขนมแบบพอเหมาะ เพียงแค่สัปดาห์ละ 1-2 ครั้งเท่านั้น
      • ให้ดื่มน้ำอย่างเพียงพอ ถ้าน้องแมวได้กินน้ำเพียงพอจะทำร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดี

สำหรับเจ้าของแมวทั้งหลาย มักจะมองว่า แมวอ้วนคือแมวที่น่ารักแต่ในความอ้วนนี้อาจจะแฝงไปด้วยพิษภัยของโรคอ้วนที่มาอย่างเงียบ ๆ แต่ก็อาจจะมีอาการบ่งบอกให้เราได้รู้ ภัยเงียบเหล่านั้นก็จะค่อย ๆ สะสม รอวันแสดงออกมาอย่างร้ายแรงทั้งในรูปแบบของ โรคหัวใจ โรคตับ ตับอ่อน เบาหวาน นิ่วและกระเพาะปัสสาวะอักเสบ และโรคอื่น ๆ อีกมากมายที่ล้วนมีปัจจัยเสริมมาจากความอ้วนอยู่ภายในตัวน้องแมวสุดที่รักทั้งสิ้น ดังนั้นถ้าการเลี้ยงให้แค่ดูน่ารัก หุ่นสวยพอเหมาะ รูปร่างสวย แต่เน้นเรื่องอาหารแมว สูตรลดน้ำหนักเป็นตัวช่วยควบคุมน้ำหนัก ที่ทำให้น้องแมวมีสุขภาพที่ดีและขนที่สวยงาม ดวงตาสดใส มีความร่าเริงน่ารักสดใสตามวัย จะเป็นเรื่องที่ดีมากที่สุดแล้ว


ที่คนค้นหาเกี่ยวกับเนื้อหานี้ :

วิธีดูแล แมวเป็นโรคตับ อย่างถูกวิธีและ อาหารที่เหมาะสม

แมวเป็นโรคตับ ควรกินอาหารอะไรดีที่สุด

แมวเป็นสัตว์เลี้ยงแสนรักของใครหลาย ๆ คน แต่ในการเลี้ยงดูที่เจ้าของแมวหลายรายมองว่าทำได้ดีแล้ว ก็อาจยังซ่อนเร้นโรคภัยที่น่ากลัวภายในตัวแมวอยู่ หนึ่งในนั้นคือโรคตับที่เกิดได้จากทั้งอาหาร, สภาพแวดล้อมที่ถูกเลี้ยงดู และเกิดขึ้นจากความผิดปกติของระบบร่างกายแมวเอง ดังนั้นถ้าคุณไม่อยากให้แมวสุดที่รักต้องเสี่ยงเสียชีวิตด้วยโรคนี้ สามารถติดตามรายละเอียดของโรคและการดูแลได้ภายในบทความนี้

สิ่งที่ควรเข้าใจเกี่ยวกับแมวที่เป็นโรคตับ

ตับมีหน้าที่ในการย่อยอาหารและเปลี่ยนแปลงสารอาหาร ให้เข้าไปช่วยเสริมสุขภาพและร่างกายของแมว ทั้งยังเป็นหนึ่งในจุดกำจัดของเสียออกจากเลือด พร้อมการเป็นอวัยวะที่ช่วยในการสะสมวิตามินกับแร่ธาตุไว้ให้ร่างกายได้ใช้งานอย่างเหมาะสม ทั้งยังมีคุณประโยชน์ในเรื่องของการเสริมให้ภูมิคุ้มกันมีความแข็งแกร่งและทำให้เลือดแข็งตัวเร็วเมื่อเกิด บาดแผล ดังนั้นถ้าตับอักเสบหรือมีความผิดปกติ ย่อมส่งผลถึงความเสื่อมของอวัยวะอื่น ๆ ภายในร่างกายได้ง่ายกว่าปกติเป็นเท่าตัว ดังนั้นการเกิดโรคตับในแมวจึงส่งผลที่ค่อนข้างร้ายแรงพอสมควร ยิ่งถ้าสะสมมาเป็นเวลานาน ไม่ได้รับการรักษาและการดูแลอย่างถูกต้อง ย่อมทำให้อาการทรุดหนักลงและอาจจะเสี่ยงเสียชีวิตได้อย่างรวดเร็ว โดยโรคตับในแมวจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทที่พบได้มากที่สุด คือ

1.การสะสมของไขมันภายในตับ (Hepatic Lipidosis)

ภาวการณ์สะสมไขมันภายในตับที่มีมาก จะเกิดขึ้นกับแมวที่ได้รับอาหารพลังงานสูงจนกลายเป็นภาวะเสี่ยงโรคอ้วน โดยเฉพาะแมวเลี้ยงที่ไม่ค่อยได้วิ่งล่าหรือออกกำลังกาย ซึ่งโรคตับภาวะนี้จะพบได้บ่อยมาก เนื่องมาจากเจ้าของแมวส่วนใหญ่มักจะให้อาหารแมวที่มีโปรตีนสูงและเป็นโปรตีนที่เผาผลาญได้ยาก แต่ทั้งนี้ก็สามารถเกิดกับแมวที่ได้รับอาหารตามปกติแต่โปรตีนกลับไม่เพียงพอได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังพ่วงมาด้วยโรคหัวใจ, เบาหวาน, ตับอ่อนอักเสบ และไตวายเฉียบพลันอีกด้วย

2.ความผิดปกติของการทำงานสมอง (Hepatic Encephalopathy)

ภาวะความผิดปกติทางสมอง เกิดจากมีของเสียจำนวนมากคั่งค้างอยู่ภายในตับ จึงส่งผลไปสู่ระบบสมอง ซึ่งสารพิษที่ไม่ได้ผ่านการกรจากตับจะไหลไปปะปนกับเลือด จึงทำให้เลือดที่ปนสารพิษไหลเวียนไปสู่ระบบประสาท สมองจึงถูกทำลายและแสดงอาการชักเกร็ง, ตาบอดอย่างรวดเร็ว หรือเดินเซและไม่สามารถทรงตัวได้ เป็นต้น

แมวเป็นโรคตับเกิดจากอะไร?

การเกิดโรคตับในแมวมีปัจจัยที่ส่งผลต่อความเสี่ยงหลากหลายปัจจัยด้วยกัน คือ

  • ความอ้วนที่เจ้าของแมวบางรายมองว่าดูน่ารัก แต่กลับส่งผลให้เป็นโรคตับได้ง่ายที่สุด เสี่ยงต่อการเป็น Hepatic Lipidosis หรือภาวะของการสะสมไขมันที่ตับมากเกินความจำเป็น
  • อายุยิ่งมาก ยิ่งแสดงอาการของโรคตับออกมาอย่างชัดเจน โดยเฉพาะสัตว์เลี้ยงที่มีอายุตั้งแต่ 7-10 ปีขึ้นไป จะพบเนื้องอกในตับได้มากกว่าแมวอายุน้อย
  • ความผิดปกติทางพันธุกรรมที่อาจส่งต่อจากรุ่นพ่อ-แม่มาสู่รุ่นลูกได้ง่ายที่สุด
  • สายพันธุ์ของแมวไทยจะเสี่ยงต่อการเป็นโรคตับได้มากกว่าแมวในสายพันธุ์อื่น ๆ
  • การสัมผัสต่อสารเคมีบางชนิดเป็นระยะเวลานานเกินไป จะเกิดการสะสมและส่งผลต่อการทำลายตับ
  • การรับประทานยาเพื่อรักษาโรคหรือยาบำรุงบางประเภท อาจทำให้เกิดการสะสมและทำลายจนตับเสียหายได้เช่นกัน

อาการของโรคตับในแมว

สำหรับเจ้าของแมวที่รู้สึกกังวลใจว่าแมวของคุณจะเสี่ยงต่อการเป็นโรคตับหรือไม่? คุณสามารถสังเกตอาการได้ดังต่อไปนี้

  • มีอาการเบื่ออาหาร แม้แต่อาหารที่เคยชอบกินก็ไม่สามารถกินได้อย่างอร่อยอีกต่อไป
  • น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว
  • กินน้ำมากขึ้นและบ่อยครั้งกว่าเดิม
  • มีอาการอาเจียนร่วมหลังการกินอาหาร
  • ท้องเสียบ่อยครั้ง
  • มีอาการน้ำลายไหลยืดแบบไร้สาเหตุ
  • มีอาการซึม ไม่เล่น ไม่ร่าเริง หลบไปนอนในมุมสงบเพียงตัวเดียว

อาการของโรคตับจะมีความคล้ายคลึงกับโรคอื่นและมักจะไม่ค่อยแสดงอาการที่เจาะจงมากนัก ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือการพาไปพบสัตวแพทย์ เพื่อตรวจค่าตับจากผลเลือดที่จะทำให้การวินิจฉัยมีความแม่นยำ พร้อมการรักษาอย่างถูกต้องทันท่วงที

แมวเป็นโรคตับ ควรดูแลอย่างไร

เมื่อคุณพาน้องแมวไปตรวจกับสัตวแพทย์และพบว่าเป็นโรคตับจริง คุณควรให้การรักษาอย่างต่อเนื่องและดูแลน้องแมวที่เป็นโรคตับตามวิธีนี้

  • ป้อนยาให้ตรงตามเวลาที่สัตวแพทย์สั่ง
  • ถ้าเป็นโรคตับขั้นรุนแรงจนต้องได้รับการผ่าตัด ควรดูแลแผลผ่าตัดของน้องแมวให้ดี เพื่อป้องกันการติดเชื้อและอักเสบ
  • ให้อาหารที่เหมาะสมต่อแมวเป็นโรคตับหรือเป็นอาหารสูตรเฉพาะของแมวที่เป็นโรคนี้ โดยจะมีทั้งแบบ อาหารเม็ดและอาหารเปียกให้เลือก
  • เลี้ยงแมวระบบปิด เพื่อป้องกันการออกไปรับสารพิษหรือเชื้อต่าง ๆ นอกบ้าน
  • แยกพื้นที่ให้แมวป่วยอยู่ในบริเวณที่มีความสะอาดและอากาศถ่ายเทสะดวก
  • การทำความสะอาดบ้านควรปราศจากสารเคมีที่อาจเป็นพิษต่อตับแมวได้
  • จัดพื้นที่นอนและพื้นที่ส่วนตัวให้แมว เพื่อลดความตึงเครียด
  • พาไปพบสัตวแพทย์ตามนัดทุกครั้งอย่างเคร่งครัด

อาหารที่เหมาะสำหรับแมวที่เป็นโรคตับ เป็นอาหารแบบไหน ให้อาหารอะไรได้บ้าง

อาหารคือส่วนสำคัญที่จะเป็นตัวช่วยเสริมสุขภาพให้แมวที่เป็นโรคตับกลับมามีสุขภาพที่ดีขึ้น ดังนั้นลองดูว่ามีอาหารแบบใดบ้างที่เหมาะสมต่อแมวที่เป็นโรคนี้

1.อาหารเปียกสูตรเฉพาะ

อาหารเปียกจะเหมาะสำหรับแมวเป็นโรคตับที่มีอาการปากอักเสบหรือเจ็บปากร่วมด้วย รวมไปถึงแมวที่มีภาวะเริ่มเบื่ออาหารอย่างรุนแรง จะเป็นสูตรเฉพาะที่ลดปริมาณโปรตีนหนักลงและเพิ่มกรดอะมิโนจำเป็นให้กับร่างกาย ทั้งยังส่งผลให้ไขมันแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานภายในร่างกายได้ดีขึ้นกว่าเดิม เพื่อเป็นตัวช่วยลดการทำงานของตับ ทั้งยังมีแอลคาร์นิทีนที่จะเพิ่มเซลล์บำรุงตับให้มากขึ้น  มีการควบคุมปริมาณของสารอาหารที่เหมาะสมต่อร่างกายแมวที่เป็นโรคตับและเพิ่มวิตามินกับแร่ธาตุ ทั้งยังควบคุมปริมาณของทองแดงและเหล็ก พร้อมการป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแอมโมเนียที่อาจเป็นอันตรายต่อทั้งตับและสมองของแมวได้

2.อาหารเม็ดสูตรเฉพาะ

อาหารแมวสูตรเฉพาะสำหรับแมวเป็นโรคตับแบบเม็ด จะมีคุณสมบัติที่คล้ายคลึงกับแบบอาหารเปียกทั้งหมด เพียงแต่ถูกผลิตขึ้นมาสำหรับแมวที่ชอบการกินอาหารเม็ดมากกว่า เม็ดอาหารจะเคี้ยวง่าย ไม่แข็ง จึงไม่จำเป็นต้องนำไปแช่น้ำแต่อย่างใด ทั้งยังเป็นสูตรแบบย่อยง่าย มีโปรตีนจำเป็นแบบอนุภาคเล็ก เพิ่มกรดอะมิโนจำเป็นกับวิตามินและแร่ธาตุที่ดีต่อร่างกาย มีตัวช่วยลดเซลล์ทำลายตับ มีการควบคุมสารอาหารอย่างเหมาะสม เพื่อทำให้การกินอาหารของแมวสร้างประโยชน์ต่อร่างกายได้อย่างสูงสุด

3.อาหารที่ผ่านมาตรฐาน AAFCO

ถ้าอาการโรคตับในแมวของคุณดีขึ้นแล้ว ต้องการปรับเปลี่ยนมาสู่อาหารสูตรปกติ คุณควรเน้นให้อาหารที่ผ่านมาตรฐานสากล AAFCO จากประเทศสหรัฐอเมริกา เพราะอาหารเหล่านี้จะมีการควบคุมปริมาณของคาร์โบไฮเดรต, โปรตีน, วิตามิน, ไฟเบอร์, ไขมัน และแร่ธาตุไว้ให้สมดุลต่อสุขภาพของแมวที่เป็นโรคต่าง ๆ จึงถือว่าเป็นอาหารสำเร็จรูปที่มีความปลอดภัยสูงและผ่านการวิจัยมาเป็นอย่างดี พร้อมให้สารอาหารที่มีความครบถ้วน

4.อาหารโปรตีน

โรคตับเกิดขึ้นจากการมีสารแอมโมเนียที่ถูกเปลี่ยนเป็นยูเรียในเลือดสูง ดังนั้นจึงควรเน้นให้โปรตีนกับไขมันแบบย่อยง่ายต่อแมวที่เป็นโรคตับ เช่น การให้โปรตีนจากนมและไขของวัวที่เป็นแหล่งโปรตีนชั้นดี ลดการเกิดปริมาณของแอมโมเนียภายในระบบเลือดให้น้อยลง พร้อมการหลีกเลี่ยงโปรตีนที่ก่อให้เกิดแอมโมเนียสูงอย่างกุ้ง, เครื่องในสัตว์ทุกประเภท และโฮลวีต เพราะนอกจากจะให้โปรตีนหนักแล้ว ยังมากับทองแดงในปริมาณที่สูงมากเลยทีเดียว

5.อาหารต้านอนุมูลอิสระ

อาหารต้านสารอนุมูลอิสระของสัตว์เลี้ยง คือ อาหารที่ผสมผสานวัตถุดิบที่เป็นตัวช่วยในการต้านสารอนุมูลอิสระและมีฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบ พร้อมให้การบำรุงและฟื้นฟูตับได้เป็นอย่างดี ซึ่งอาหารประเภทนี้จะช่วยเสริมสุขภาพทั้งโรคตับและโรคอื่น ๆ ให้การฟื้นฟูสมองกับระบบภายในของสัตว์เลี้ยง ระบบต่าง ๆ จึงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น  อาหารที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้จะอุดมอยู่ในสารสกัดจากสมุนไพรที่สัตว์เลี้ยงสามารถกินได้ กรดอะมิโนรวม และวิตามินรวม เป็นต้น

สิ่งที่ควรป้องกัน เพื่อไม่ให้แมวเป็นโรคตับ

ถ้าคุณไม่อยากให้น้องแมวแสนรักต้องเสี่ยงต่อการเป็นโรคตับ คุณควรป้องกันและดูแลอย่างถูกต้อง เพื่อทำให้สุขภาพของน้องแมวแข็งแรงและไม่ต้องทุกข์ทรมานไปกับโรคตับด้วยการดูแล ดังนี้

  • ให้อาหารคุณภาพที่ผ่านการตรวจสอบมาตรฐานมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
  • อาหารที่ดีควรมีปริมาณของโปรตีน, คาร์โบไฮเดรต, ไขมัน, วิตามิน และแร่ธาตุต่าง ๆ ที่เหมาะสมต่อร่างกายของแมว ไม่มีสารใดที่สูงมากเกินไป
  • หาของเล่นหรือกิจกรรมให้น้องแมวได้ออกกำลังกายอยู่เสมอ
  • เลี้ยงระบบปิดเพื่อป้องกันการติดเชื้อจากภายนอก
  • ทำความสะอาดที่อยู่ของแมวเป็นประจำ และควรใช้น้ำยาทำความสะอาดที่เป็นสารจากธรรมชาติ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาสารเคมีสะสม
  • พาน้องแมวของคุณไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจค่าตับอยู่เสมอ คอยสังเกตอาการแมวที่คุณเลี้ยงเป็นประจำ ถ้ามีอาการผิดแปลกไปจากเดิมเกินกว่า 3 วัน ควรรีบมาพบแพทย์ทันที

สำหรับผู้ที่เลี้ยงน้องแมวเป็นสัตว์เลี้ยงแสนรักภายในบ้าน เรื่องสำคัญที่คุณควรทำ คือ การพาน้องแมวของคุณไปรับการตรวจสุขภาพเป็นประจำและรับวัคซีนที่จำเป็นต่อแมวให้ครบถ้วน เพื่อป้องกันการเกิดโรคร้ายต่าง ๆ พร้อมไปด้วยการเลี้ยงดูที่มีคุณภาพ เลือกอาหารที่ดีและเหมาะสมต่อแมวแต่ละช่วงวัย เสริมกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะทำให้แมวสามารถออกกำลังกายได้อย่างสนุกสนาน เพื่อช่วยลดความตึงเครียด เพียงเท่านี้น้องแมวของคุณจะอยู่อย่างมีความสุขและไม่ต้องเสี่ยงทุกข์ทรมานไปกับโรคตับและโรคร้ายต่าง ๆ อีกต่อไป


ที่คนค้นหาเกี่ยวกับเนื้อหานี้ :

รีวิว โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขา สาทร นราธิวาส

โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขา สาทร นราธิวาส

โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขา สาธร – นราธิวาส นั้น ก่อตั้งมานาน เป็นที่น่าเชื่อถือ และยังเป็น โรงพยาบาลสัตว์ แห่งแรกที่เปิดไห้บริการตลอด 24 ชั่วโมง สะดวก ในการเดินทาง และ เนื่องจากทางโรงพยาบาล มีนโยบายในการรักษาสัตว์เลี้ยง ด้วยความเข้าอกเข้าใจคนรักสัตว์เป็นหลัก จึงทำให้เกิดการบอกต่อ และเป็นที่รู้จักอย่างเเพร่หลาย ของคนทั่วไปนั่นเอง


สถาน ที่ตั้ง เเละช่องทางติดต่อ 

สนใจไปรับบริการที่ โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขา สาทร นราธิวาส สามารถไปที่ สถานที่ตั้ง ตามนี้ได้เลย เดินทางสะดวก เเละพื้นที่กว้างขวาง

โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขา สาทร-นราธิวาส

130/144 ถนน นราธิวาสราชนครินทร์ เขตทุ่งวัดดอน
สาทร กรุงเทพมหานคร 10120

เบอร์โทร ติดต่อ : +662-079-9909
E-mail : info@thonglorpet.com


ทำไมถึงเลือกใช้บริการที่ โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขา สาทร นราธิวาส

เนื่องจากปัจจุบัน มีโรงพยาบาลแมวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลใหญ่หรือคลินิกรักษาแมว แต่สาเหตุที่เข้าไปใช้บริการจาก โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขา สาทร นราธิวาส นั้น มีหลายปัจจัยอย่างเช่น

    1. เปิดบริการ 24 ชั่วโมง เราจึงมั่นใจได้ว่า เมื่อแมวของเราป่วย เราสามารถที่จะส่งไปรักษาได้ทันที ไม่ต้องรอเวลา เพราะอาจจะเสียโอกาสและทำให้แมวของเราอาการหนักมากกว่าเดิม
    2. โรงพยาบาลสะอาด และได้มาตรฐาน ซึ่งเรามั่นใจได้เลยว่า การนำแมวของเรา เข้าไปรับการรักษาจะสะอาดและปลอดเชื้อแน่นอน
    3. ทีมสัตวแพทย์ของโรงพยาบาล มีความชำนาญเฉพาะทาง ซึ่งเราสามารถมั่นใจได้เลยว่าการรักษาแมวของเรานั้น จะได้รับการรักษาจากผู้เชี่ยวชาญโดยตรง
    4. โรงพยาบาลได้รับมาตรฐานสากล ตามระบบ ISO และยังมีรางวัลการันตีต่างๆ อีกมากมาย ซึ่งทำให้มั่นใจได้เลยว่าโรงพยาบาลนั้น ได้คุณภาพตามมาตรฐานสากลเเน่นอน
    5. การรักษาของโรงพยาบาลนั้น เน้นการรักษาด้วยการใส่ใจ เข้าใจหัวอกของคนรักแมว ซึ่งทำให้การเข้าไปรักษาแมวทุกครั้ง ได้รับความสบายใจ และประทับใจอย่างมาก

ศูนย์ รักษา – บริการ โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขา สาทร นราธิวาส



หากต้องการหา โรงพยาบาลเพื่อรักษาแมว โปรดของท่าน หากท่านอยู่เเถว สาทร นราธิวาส สามารถเข้าไปรับบริการ ขอแนะนำ โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขานี้ได้เลย จากประสบการณ์โดยตรง จากผู้เข้าไปรับบริการ มั่นใจได้เลยว่า ท่านจะประทับใจ ในบริการ และ มาตฐานของ โรงพยาบาล อย่างเช่นเรา อย่างแแน่นอน

ที่คนค้นหาเกี่ยวกับเนื้อหานี้ :

แชทถามเรื่องอาหารแมว
คลิกที่นี่เพื่อ แอดไลน์มาได้เลย แอด Line คลิก