เหมียวๆ มะนุด เราหิวแล้ว

ถ้าคุณต้องการให้เป็นอาหารสดทำเอง คุณควรเลือกให้มีสัดส่วนของโปรตีนสูง, ลดไขมันเสีย, คาร์โบไฮเดรต, น้ำตาล และโซเดียมลงให้ได้มากที่สุด ซึ่งอาหารที่เหมาะสมสำหรับแมวลดน้ำหนัก คือ เนื้อปลาทะเลสด, อกไก่, ไข่ และมันฝรั่ง เป็นต้น

หมอแมวเมียว

Master
หน้าแรก เกี่ยวกับแมว แมว น่ารัก

เรื่องราวเกี่ยวกับ: แมว น่ารัก

รีวิว 9 อันดับ อาหาร สำหรับแมวอ้วน ที่ดีที่สุด

9 อาหารแมวสูตรควบคุมน้ำหนัก ลดความเสี่ยงโรคอ้วนในแมวได้ผล!

โรคอ้วนในแมวเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้แมวต้องเผชิญกับปัญหาโรคร้ายต่าง ๆ ตามมาในอนาคต เกิดจากการกินอาหารมากหรือบ่อยครั้งและขาดการออกกำลังกาย โดยเฉพาะแมวบ้านที่ไม่ค่อยได้ล่าและไม่ค่อยขยับร่างกาย จะเสี่ยงต่อโรคอ้วนได้มากที่สุด อาหารสูตรสำหรับการควบคุมน้ำหนักจึงกลายมาเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายจากความอ้วนนี้ได้เป็นอย่างดี ซึ่งในสูตรอาหารแมวที่เป็นโรคอ้วนจะเน้นการให้สารอาหารทุกประเภทอย่างเหมาะสม พร้อมช่วยลดความอยากอาหาร ทำให้แมวรู้สึกตื่นตัวและมีการขยับร่างกายอยู่เสมอ ช่วยฟื้นบำรุงอวัยวะภายในเพื่อกลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกครั้ง

>> รวมรายการ อาหารแมวโรคอ้วน ของแท้ เชื่อถือได้ คลิกที่นี่ได้เลย


1.Royal Canin สูตร Satiety Weight Management Cat

ถ้าต้องการให้แมวสามารถควบคุมน้ำหนักได้ดี ไม่รู้สึกหิวง่ายจนต้องขออาหารตลอดทั้งวัน แนะนำ Royal Canin สูตร Satiety Weight Management Cat ที่จะให้ประโยชน์ด้านการควบคุมน้ำหนักถึง 97 เปอร์เซ็นต์ โดยที่แมวจะยังคงได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน จึงช่วยทำให้ควบคุมน้ำหนักได้ดีมากขึ้น เพียงแค่กินตามคำแนะนำที่ระบุไว้หลังซอง ภายใน 3 เดือน น้ำหนักของแมวอ้วนจะกลับมาสู่ภาวะปกติและกลายมาเป็นแมวที่มีสุขภาพดี ไม่เดินขออาหารตลอดทั้งวัน เพราะภายในอาหารจะมีไฟเบอร์สูง จึงช่วยให้อิ่มท้องได้นานขึ้น พร้อมการรักษามวลกล้ามเนื้อและโปรตีนไว้ได้เป็นอย่างดี ทั้งยังช่วยลดการเกิดนิ่วแบบสตรูไวท์และออกซาเลต ปรับให้ทางเดินปัสสาวะสามารถทำงานได้ดีและปัสสาวะไม่เข้มข้นจนเกินไป ที่สำคัญคือสามารถป้องกันการกลับมาเป็นโรคอ้วนของแมวอีกครั้ง

>> สั่งซื้อ Royal Canin อาหารแมวสูตร Satiety Weight Management Cat ชนิดเม็ดของแท้ ราคาถูก คลิก


2.Hill’s Prescription Diet อาหารแมว สูตร M/D Feline Dry Food

อาหารแมวที่เป็นโรคอ้วนไม่ใช่แค่เพียงการควบคุมความอยากอาหารของแมวเท่านั้น แต่ควรที่จะควบคุมในเรื่องของระดับน้ำตาล ไขมัน และคาร์โบไฮเดรต เพื่อให้มีความเหมาะสมต่อแมวในทุกช่วงวัยได้มากที่สุด โดย Hill’s Prescription Diet สูตร M/D Feline Dry Food หรือแบบอาหารเม็ด จะช่วยควบคุมระดับน้ำตาล, ระดับไขมัน รวมไปถึงคาร์โบไฮเดรตภายในเนื้ออาหารได้เป็นอย่างดี จึงส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมของแมวที่จะสามารถควบคุมน้ำหนักได้และยังคงแข็งแรงอยู่เสมอ ลดการเกิดปัจจัยที่จะทำให้น้ำหนักพุ่งสูง เหมาะสำหรับแมววัยกำลังเจริญเติบโตที่ติดการกินอาหารมากเกินไป เพียงแค่เลือกสูตร M/D Feline Dry Food ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายของแมวในทุก ๆ วัน จะยิ่งช่วยทำให้น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วและยั่งยืน

>> สั่งซื้อ Hill’s Prescription Diet อาหารแมวสูตร M/D Feline Dry Food ชนิดเม็ดของแท้ ปลอดภัย  คลิก


3.Royal Canin สูตร Neutered Satiety Balance

ถ้าต้องการให้แมวอ้วนควบคุมทั้งน้ำหนักและพลังงานภายในร่างกายได้ ขอแนะนำ Royal Canin สูตร Neutered Satiety Balance ตัวช่วยที่จะทำให้น้องแมวได้รับอาหารที่เหมาะสมต่อพลังงานภายในร่างกาย พร้อมทำให้ระบบเผาผลาญพลังงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ภายในเนื้ออาหารจะมีไฟเบอร์สูง จึงทำให้อิ่มท้องนาน การขออาหารจึงจะลดลง สูตรนี้จะเหมาะสำหรับแมวหลังทำหมันและแมวที่มีอายุตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไป โดยจะให้สารอาหารที่ครบถ้วนในขณะที่ การกินจะลดลงตามไปด้วย ทั้งยังช่วยลดการเกิดนิ่วสตรูไวท์และออกซาเลต จึงไม่ต้องกังวลเรื่องการเป็นโรคนิ่วบนทางเดินปัสสาวะและช่วยลดความเข้มข้นของปัสสาวะได้ดี

>> สั่งซื้อ Royal Canin อาหารแมวสูตรNeutered Satiety Balance ชนิดเม็ด สูตรที่ดีที่สุด คลิก


4.Hill’s Prescription Diet สูตร M/D Feline

อาหารแมวชนิดเปียกที่บรรจุกระป๋องมาอย่างปลอดภัย พร้อมให้การควบคุมน้ำหนักและระดับน้ำตาลภายในเลือดได้เป็นอย่างดี เหมาะต่อการดูแลสุขภาพของทั้งแมวเป็นโรคอ้วนและแมวที่มีปัญหาเรื่องโรคเบาหวาน ต้องยกให้ Hill’s Prescription Diet ในสูตร M/D Feline มีส่วนผสมของสารอาหารครบถ้วน โดยจะเหมาะสมกับแมวในทุกช่วงวัย ช่วยทำให้น้ำหนักและรูปร่างของแมวเป็นไปอย่างสมดุลกัน ช่วยป้องกันการกลับมาอ้วนอีกครั้ง เพียงแค่เลือกสูตร M/D Feline ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายในทุก ๆ วัน จะยิ่งทำให้แมวอ้วนลดน้ำหนักได้เร็วมากขึ้น

>> สั่งซื้อ Hill’s Prescription Diet อาหารแมวสูตร M/D Feline ชนิดเปียกที่บรรจุกระป๋อง ราคาถูกที่สุด คลิก


5.Royal Canin สูตร VD CAT SATIETY

ถ้าต้องการให้แมวเป็นโรคอ้วน ลดน้ำหนักอย่างปลอดภัยและรับประทานอาหารได้ง่ายมากขึ้น ขอแนะนำ Royal Canin สูตร VD CAT SATIETY ที่มาในรูปแบบของอาหารเปียก ทานง่าย จะช่วยลดน้ำหนักและควบคุมไม่ให้น้ำหนักพุ่งสูงขึ้นได้อย่างปลอดภัย สามารถป้องกันการกลับมาน้ำหนักพุ่งขึ้นสูงอีกครั้งได้เป็นอย่างดี พร้อมช่วยลดพฤติกรรมด้านการขออาหารตลอดทั้งวัน เพราะภายในอาหารจะเสริมด้วยคุณค่าของสารอาหารที่ครบถ้วนและมีใยอาหารที่ช่วยทำให้แมวอิ่มท้องได้นานขึ้น แม้ว่าน้ำหนักจะลดลงแต่จะยังคงคุณค่าของโปรตีนไว้ได้เป็นอย่างดี จึงยังรักษามวลกล้ามเนื้อให้กับน้องแมวและทำให้แมวสุขภาพดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังช่วยลดการเกิดนิ่วสตรูไวท์และออกซาเลต ที่ก่อให้เกิดปัญหาโรคนิ่วบนทางเดินปัสสาวะของแมวได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

>> สั่งซื้อ Royal Canin อาหารแมวสูตร VD CAT SATIETY ชนิดเปียก ลดน้ำหนักอย่างปลอดภัย คลิก


6.Hill’s Prescription Diet สูตร Digestive/Weight Management

ปัญหาหลักของโรคอ้วนในแมว คือ ระบบการเผาผลาญพลังงานไม่ดีพอ โดยเฉพาะแม่บ้านที่ออกกำลังกายน้อยไม่ค่อยเคลื่อนไหวตัว จึงทำให้น้ำหนักพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วดังนั้น Hill’s Prescription Diet ในสูตร Digestive/Weight Management  มาในรูปแบบอาหารเม็ด จึงเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับการควบคุมน้ำหนักของแมว ให้ประสิทธิภาพในการเผาผลาญไขมันได้อย่างเหมาะสมในทุก ๆ วัน และช่วยเร่งให้เกิดการเผาผลาญพลังงานในแมวที่มีน้ำหนักสูงมาก แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงบำรุงมวลกล้ามเนื้อไว้ได้เป็นอย่างดี ให้โปรตีนที่มีคุณค่าต่อร่างกาย น้ำหนักจึงคงที่ พร้อมทำให้รู้สึกอิ่มท้องไปตลอดทั้งวันและช่วยดูแลเรื่องระบบทางเดินปัสสาวะ ป้องกันการเกิดโรคนิ่วและทำให้ภูมิคุ้มกันภายในร่างกายแมวมีประสิทธิภาพมากขึ้นเรื่อย ๆ

>> สั่งซื้อ Hill’s Prescription Diet อาหารแมวสูตร Digestive/Weight Management ชนิดเม็ด ช่วยควบคุมน้ำหนักที่ดีที่สุด คลิก


7.Hill’s Prescription Diet สูตร Metabolic Feline

อาหารสูตรควบคุมน้ำหนักแบบเม็ดที่เน้นเรื่องการทำให้ระบบเผาผลาญพลังงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรมชาติมากที่สุด จึงให้ความปลอดภัยสูง เหมาะสำหรับแมวเป็นโรคอ้วน ขอแนะนำ Hill’s prescription Diet สูตร Metabolic Feline ที่จะช่วยทำให้แมวมีปัญหาเรื่องโรคอ้วน สามารถที่จะน้ำหนักลดลงได้รวดเร็วอย่างปลอดภัยไป พร้อมการป้องกันไม่ให้น้ำหนักตัวกลับมาพุ่งส่งอีกครั้ง ด้วยการทำให้รู้สึกอิ่มยาวนานขึ้น จึงไม่กลับมาขออาหารใหม่ตลอดทั้งวัน  ทั้งยังเป็นตัวช่วยสำคัญในการฟื้นฟูสุขภาพของแมวได้อย่างดีเยี่ยม เพียงแค่เลือกสูตรนี้ให้แมวที่รักของคุณไปพร้อมกับการออกกำลังกายควบคู่ จะทำให้แมวกลับมาสุขภาพดีและน้ำหนักคงที่อีกครั้ง

>> สั่งซื้อ Hill’s Prescription Diet อาหารแมวสูตร Metabolic Feline ชนิดเม็ด ช่วยลดน้ำหนักน้องแมวได้ผลจริง คลิก


8.Hill’s Prescription Diet สูตร Metabolic + Urinary Feline

สำหรับ Hill’s Prescription Diet ในสูตร Metabolic + Urinary Feline จะเป็นอาหารควบคุมน้ำหนักแมวอ้วน สูตรพิเศษที่จะช่วยรักษาโรคนิ่วไปพร้อมกัน โดยจะเป็นแบบชนิดแห้งหรือแบบเม็ดที่เคี้ยวง่าย ย่อยเร็ว และมีประสิทธิภาพในการเพิ่มพลังระบบเผาผลาญ ทำให้น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วและปลอดภัย พร้อมเสริมให้ระบบภายในฟื้นฟูกลับมาทำงานได้ดีอีกครั้งด้วยวิถีแห่งธรรมชาติ มีคุณสมบัติในการช่วยสลายก้อนนิ่วแบบสตรูไวท์ ที่ก่อให้เกิดปัญหาโรคนิ่วบนระบบทางเดินปัสสาวะที่จะทำให้แมวไม่สามารถปัสสาวะออกมาได้ตามปกติ จนกลายเป็นความทรมานในการใช้ชีวิต ดังนั้นแมวที่ป่วยด้วยโรคนิ่วแบบสตรูไวท์จึงสามารถรับประทานอาหารสูตรนี้ได้อย่างปลอดภัยแน่นอน

>> สั่งซื้อ Hill’s Prescription Diet อาหารแมวสูตร Metabolic + Urinary Feline ชนิดเม็ด สูตรลดหนักที่ปลอดภัยที่สุด คลิก


9.Hill’s Prescription Diet สูตร Digestive/Weight Management

สูตรอาหารเปียกรสชาติดีของแมวลดความอ้วนต้องไม่พลาด! Hill’s Prescription Diet ในสูตร Digestive/Weight Management ที่นอกจากเนื้ออาหารจะมีความนุ่ม ย่อยง่าย ยังสามารถทำให้รู้สึกอิ่มได้ยาวนานมากขึ้น พร้อมการเพิ่มสารอาหารสำคัญอย่างแอล-คาร์นิทีน ที่มีคุณค่าต่อร่างกายของน้องแมวอย่างเหมาะสม มีสารต้านอนุมูลอิสระที่จะช่วยป้องกันโรคร้ายต่าง ๆ ของแมว เสริมประสิทธิภาพการเผาผลาญไขมันภายในร่างกาย เพิ่มมวลกล้ามเนื้อและบำรุงพร้อมฟื้นฟูระบบอวัยวะภายใน เพื่อทำให้สุขภาพแข็งแรงมากขึ้น เสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งกว่าเดิม จึงปกป้องร่างกายและสุขภาพของน้องแมวไม่ให้ต้องเผชิญกับโรคร้ายในอนาคต ที่สำคัญคือการทำให้ลดน้ำหนักได้เร็วแบบปลอดภัยที่สุดและยังคงรักษาน้ำหนักของแมวให้อยู่คงที่ ทั้งยังมีประโยชน์ในด้านการดูแลระบบทางเดินปัสสาวะ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเรื่องโรคนิ่วอีกด้วย

>> สั่งซื้อ Hill’s Prescription Diet อาหารแมวสูตร Digestive/Weight Management ชนิดเปียก ราคาถูก ของแท้ ปลอดภัย คลิก


อาหารแมวที่เป็นโรคอ้วนทั้ง 9 สูตรจาก 2 แบรนด์อาหารแมวชื่อดังที่ได้รับการการันตีจากเจ้าของแมวและสัตวแพทย์ว่าเป็นแบรนด์อาหารคุณภาพชั้นนำ ที่จะช่วยรักษาสุขภาพน้องแมวสุดที่รักของคุณได้ดีที่สุด มีให้เลือกแบบอาหารเปียกและอาหารเม็ดที่เหมาะสมต่อความชื่นชอบของน้องแมว พร้อมการเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะฟื้นฟูระบบภายในร่างกายและสุขภาพของแมวให้กลับมาสดใสและร่าเริง ปราศจากโรคภัยต่าง ๆ อีกครั้ง

5 วิธีบอกรัก เเบบฉบับ ของเจ้าเหมียว

5 วิธีบอกรักตามแบบฉบับน้องแมว แม้หน้าจะมึนแต่ก็รักนะ!

แม้ว่าน้องแมวจะดูไม่ชอบการแสดงออกถึงความรักต่อเจ้าของมากนัก แต่ในความเป็นจริงแล้วแมวถือว่าเป็นสัตว์ที่มีความฉลาดสูงและรักเจ้าของเหมือนกับสัตว์เลี้ยงทั่วไป เพียงแต่การแสดงออกอาจจะเป็นไปตามอารมณ์มากกว่า สำหรับเจ้าของน้องแมวแล้วไม่ต้องรู้สึกเสียใจไป เพราะน้องแมวจะมีวิธีบอกรักเฉพาะตัวที่จะทำให้คุณรู้ว่าเขารักคุณจริง ๆ ดัง 5 วิธีต่อไปนี้


1.เดินคลอเคลีย

ถ้าน้องแมวเดินมาคลอเคลียทุกครั้งที่เจอหน้ากัน โดยเป็นการนำส่วนลำตัวมาไถขาหรือตัวของคุณ จะยิ่งเป็นการบ่งบอกถึงความรักที่มีให้กับคุณเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ถ้าน้องแมวตัวไหนก้มศีรษะต่ำลง แล้วใช้ช่วงหัวไถที่แขนหรือขาของคุณจะยิ่งเป็นการบ่งบอกถึงการยอมรับต่อตัวคุณมากขึ้น

2.งับนิดให้ตกใจเล่น!

แมวบางตัวแสดงออกถึงความรักไม่เก่ง จึงใช้วิธีการงับนิด ๆ ให้เจ้าของรู้สึกตกใจ แต่การงับนี้จะไม่ก่อให้เกิดแผลหรืออันตรายใด ๆ แค่ทำให้เจ้าของรู้สึกตกใจเพียงเล็กน้อย หรือบางตัวอาจจะใช้ฟันหน้างับช่วงแขน, ขา หรือข้อศอกของคุณเบา ๆ เพื่อเป็นการบอกให้รู้ว่า

3.นอนทับทุกอย่างที่คุณสนใจ

อีกหนึ่งรูปแบบการบอกรักของน้องเหมียวที่ถือว่าแปลกพอสมควร คือ เมื่อใดที่คุณนั่งทำงานหรือนั่งเล่นแล้วน้องแมวจะขึ้นมานั่งทับสิ่งของทุกอย่างที่คุณสนใจอยู่ เช่น หนังสือ, คีย์บอร์ดหน้าคอมพิวเตอร์ และสิ่งของต่าง ๆ ที่คุณกำลังสนใจอยู่  จะเป็นการแสดงให้รู้ว่าน้องแมวต้องการดึงความสนใจของคุณมาสู่ตัวเขา จึงเป็นการบอกรักประมาณว่า “สนใจฉันสิมนุษย์”

4.ทิ้งตัวต่อหน้าคุณเสมอ

ภาวะทิ้งตัวต่อหน้าเจ้าของ ไม่ใช่แค่เพียงการบอกถึงความผ่อนคลายของน้องแมวเท่านั้น แต่ยังเป็นหนึ่งในรูปแบบของการบอกรักอย่างไว้ใจด้วยเช่นกัน เพราะถ้าน้องแมวไม่รู้สึกไว้ใจในสถานการณ์หรือผู้ที่อยู่รอบข้าง มักจะหลบซ่อนหรือนอนแบบเก็บเท้าเสมอ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่รู้สึกสบายใจ ไว้วางใจ และไม่เครียด จะทิ้งตัวต่อหน้าเจ้าของและนอนหงายเปิดพุงพร้อมกับเชิญชวนให้คุณได้ลูบขนของเขาอีกด้วย

5.เอาใจใส่คุณเป็นพิเศษ

เมื่อรักแล้วย่อมต้องเอาใจใส่เป็นพิเศษ ดังนั้นน้องแมวจึงจะไม่ปล่อยให้คุณดูแลเขาแค่ฝ่ายเดียว จึงบอกรักคุณด้วยกันเลียที่แขนหรือขาของคุณที่เปรียบเสมือนเป็นการเลียขนทำความสะอาดให้ นอกจากนี้ยังมีบริการนวดเพิ่มเติม เพื่อทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย ซึ่งถือว่าเป็นวิธีบอกรักที่น่าประทับใจเลยทีเดียว

ถ้าคุณอยากรู้ว่าน้องแมวรักคุณหรือไม่? ลองสังเกตจากอาการเหล่านี้ ถ้ามีมากกว่า 1 อาการขึ้นไป แสดงให้รู้ว่าเขารักคุณมากและไว้วางใจ พร้อมเปิดใจที่จะรับคุณเป็นเจ้าของเต็ม 100% แล้วนั่นเอง


ที่คนค้นหาเกี่ยวกับเนื้อหานี้ :

วิธีดูแล แมวเป็นโรคอ้วน อย่างถูกวิธีและวิธีป้องกัน

แมวเป็นโรคอ้วน ควรกินอาหารอะไรดีที่สุด

แมวอ้วนใครๆก็ว่าน่ารัก ปกติมันก็น่ารักอยู่แล้ว แต่ถ้ายิ่งอ้วน ยิ่งน่ารัก น่าฟัดยิ่งกว่าเดิม ถ้าเจ้าเหมียวตัวอ้วนกลม อ้วนมากเกินไปก็ไม่ดี แต่อย่างไรก็ตามทาสแมวก็ยังอยากให้แมวอ้วนอยู่ใช่ไหมล่ะ เราแนะนำว่าให้แมวอ้วนได้แต่ไม่ควรที่จะเป็น โรคอ้วน โดยโรคอ้วนในแมวนั้น สามารถให้เกิดภาวะแทรกซ้อนในเกือบทุกระบบและก่อให้เกิดโรคเบาหวาน โรคไขมันพอกตับ และข้อต่ออักเสบตามมาได้ ยิ่งเจ้าเหมียวเป็นพวกขี้เกียจ กินแล้วก็นอน ไม่ชอบวิ่งเล่น ก็ยิ่งอ้วนเร็วมากขึ้น


สิ่งที่ควรเข้าใจเกี่ยวกับแมวที่เป็นแมวเป็นโรคอ้วน

โรคอ้วนเป็นปัญหาหนึ่งที่พบบ่อยในแมว โรคอ้วน คือ ภาวะที่ร่างกายมีการสะสมของไขมันที่เนื้อเยื่อไขมันมากเกินไป สาเหตุหลักของโรคอ้วน คือ การที่น้องแมวของเรากินมากเกินไปและขาดการออกกำลังกาย นอกจากนี้ โรคอ้วนทำให้มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคเรื้อรังต่าง ๆตามมา เช่น

      • โรคข้อกระดูกเสื่อม
      • โรคตับอ่อนอักเสบ
      • โรคเบาหวาน
      • โรคหัวใจและหลอดเลือด
      • โรคระบบทางเดินหายใจ
      • โรคระบบทางเดินปัสสาวะ
      • โรคตับเสื่อม ไขมันพอกตับ

ความเสี่ยงของแมวที่เป็นโรคเหล่านี้ จะพบ ในแมวที่มีน้ำหนักตัวมากกว่าปกติ  ทาสแมวอย่างเราก็อยากจะให้น้องแมวอยู่กับเราไปนานๆ แต่ ความอ้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้น้องแมว ไปก่อนวัยอันควรได้ สามารถติดตามรายละเอียดสาเหตุของโรคอ้วนและการดูแลได้ภายในบทความนี้

แมวเป็นโรคอ้วนเกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง?

การเกิดโรคอ้วนในน้องแมวมีปัจจัยที่ส่งผลต่อความเสี่ยงหลากหลายปัจจัยด้วยกัน คือ

      • ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม :การเลี้ยงระบบปิด เช่นในบ้าน คอนโด หรืออพาร์ตเมนต์ ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคอ้วน
      • พฤติกรรมของเจ้าของ :ให้อาหารแบบให้แมวกดกินได้ตลอดเวลา การให้อาหารแมวแบบบุฟเฟ่ต์หรือตามใจให้ขนมกินเล่นทุกครั้งที่น้องอ้อน เป็นปัจจัยของการเกิดโรคอ้วนในแมวทั้งสิ้น
      • อายุ : อายุของน้องแมวเพิ่มมากขึ้น ทำให้ทำกิจกรรมลดน้อยลง
      • กิจกรรม: แมวที่ไม่สามารถออกกำลังกายกลางแจ้งมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนได้
      • การทำหมัน : น้องแมวที่ทำหมันแล้ว เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เป็น โรคอ้วน ได้ง่าย
      • เพศ : เพศเมียมีแนวโน้มอ้วนง่ายกว่าเพศผู้
      • ผิดปกติของฮอร์โมน : เช่น ไทรอยด์ต่ำ ทำให้อัตราการเผาผลาญต่ำลง หรือโรคฮอร์โมนต่อมหมวกไตสูง ส่งผลให้อัตราการเมตาบอลึซึมของร่างกายเปลี่ยนแปลงไป
      • อาหาร: การให้อาหารสูตรที่เหมาะสมกับช่วงวัยของน้องแมวหรือการให้อาหารคนที่มีการปรุงรสก็อาจเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้น้องแมวของเราเป็น โรคอ้วนได้

อาการของโรคอ้วนในแมว

สำหรับเจ้าของแมวที่รู้สึกกังวลใจว่าแมวของคุณจะเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนหรือไม่? สามารถสังเกตอาการได้ดังต่อไปนี้

      • นอนมากขึ้น : น้องแมวอ้วนมักจะนอนมากขึ้น
      • เหนื่อยง่าย: ถ้าน้องแมวแสดงอาการเหนื่อยเร็วมากขึ้น นั่นอาจจะป็นสัญญาณ เตือนภัย ของ โรคอ้วน มาเยือนน้องแมวของเราแล้ว
      • ไม่ขึ้นที่สูง :ถ้าน้องแมวมีพฤกรรมไม่ชอบกระโดดขึ้นที่สูง เนื่องจากน้ำหนักมากและข้อต่อทำงานแย่ลง เป็นเพราะน้ำหนักตัวมากเกินไปทำให้น้องแมวขยับตัวลำบากไม่คล่องเหมือนกับแมวที่ผอม ก็เลยเลือกที่จะอยู่ที่เตี้ยๆ แทนนั้นเอง
      • ขนร่วง : แมวที่มีน้ำหนักมากเกินไปจะทำความสะอาดขนด้วยตัวเองได้ยาก ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาผิวหนัง ทำให้ผิวหนังอ่อนแอ และขนร่วงมากผิดปกติ

เมื่อพบสัญญาณต่างๆเหล่านี้ แนะนำให้ไปพบสัตวแพทย์เพื่อทำการปรับอาหารและตรวจรักษา ก่อนที่จะลุกลามไปกันใหญ่ หรืออาจจะเกิดโรคต่างๆที่ร้ายแรงกับน้องแมว รวมถึงอาจทำให้น้องแมวมีอายุไขสั้นลง ได้ถึง 2.5 ปี ถ้ารู้ยังงี้ อย่าลืมกลับไปดูแลรูปร่างของน้องแมวให้สมส่วน และอยู่กับเราไปนานๆ

แมวเป็นโรคอ้วนควรดูแลอย่างไร

หากน้องแมวเป็นโรคอ้วนแล้ว และอยากจะให้น้องแมวลดน้ำหนัก ควรพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเรื่องอาหารที่เหมาะสมกับโรคและน้ำหนักตัวของแมว ตามวิธีนี้

      • เลือกอาหารแมวที่เป็น สูตรควบคุมน้ำหนัก ตามคำแนะนำของสัตวแพทย์
      • ให้อาหารน้องแมว โดยปรับเปลี่ยนจากการให้อาหารแบบบุฟเฟต์ โดยแบ่งเป็นมื้อย่อยๆ แทน ประมาณ 2-3 มื้อต่อวัน
      • ชวนน้องแมวออกไปทำกิจกรรม เดินเล่นเป็นประจำเพื่อช่วยให้น้องได้ออกกำลังกาย
      • ให้แมวกินอาหารเสริมหรือขนมสำหรับแมวแบบพอเหมาะ ห้ามให้กินเยอะมากเกินไป
      • ให้สัตวแพทย์ประเมินระดับน้ำหนักตัวของน้องแมว ว่าอยู่ในสภาวะปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคอื่นๆตามมาด้วยไหม
      • ควรปรึกษากับสัตวแพทย์ ถึงขั้นตอนการลดความน้ำหนัก และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เนื่องจากหากน้ำหนักน้องแมวลดลงอย่างรวดเร็วมากเกินไป อาจทำให้เกิดภาวะไขมันสะสมในตับ หรือโรค Hepatic Lipidosis ได้

อาหารที่เหมาะสำหรับแมวที่เป็นโรคอ้วน เป็นอาหารแบบไหน ให้อาหารอะไรได้บ้าง

อาหารคือส่วนสำคัญที่ให้แมวที่เป็นโรคอ้วน กลับมามีสุขภาพที่ดีขึ้น ดังนั้นลองดูว่ามีสูตรอาหารแบบใดบ้างที่เหมาะสมต่อแมวที่เป็นโรคอ้วนนี้

1.สูตรอาหารไขมันต่ำ เป็นการควบคุมพลังงานที่เหมาะสม ในการลดน้ำหนักของน้องแมว โดยอาหารที่ให้ยังคงมีความน่ากินอยู่เพราะน้องแมวหลังทำหมันส่วนใหญ่จะทานอาหารในปริมาณมากขึ้นซึ่งก็จะทำให้เกิดปัญหาโรคอ้วนตามมาได้ง่าย

2.สูตรอาหารพลังงานต่ำ ทำให้ร่างกายของน้องแมวต้องดึงพลังงานออกมาใช้ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบของไขมัน

3.สูตรอาหารใยอาหารสูง ทำให้มวลของอาหารเพิ่มขึ้น เพิ่มความอิ่มและอยู่ท้องทำให้น้องแมวรู้สึกอิ่มได้นาน

4.สูตรอาหารแอลคาร์นิทีนสูง ก็จะมีส่วนช่วยในการเผาผลาญและลดมวลไขมันในร่างกายของน้องแมวด้วยจึงเหมาะสมในการควบคุมหรือลดน้ำหนักได้ดี

5.สูตรอาหารโปรตีนสูง เพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อลดความเสี่ยงของการสลายกล้ามเนื้อ และยังช่วยให้น้องแมวรู้สึกอิ่มมากขึ้น

ดังนั้นอาหารที่ผลิตออกมาสำหรับแมวแต่ละช่วงอายุจะมีปริมาณพลังงานหรือแคลอรี่ที่ต่างกัน ทางที่ดีที่สุด คุณควรเลือกอาหารให้เหมาะกับแมวของคุณ เพื่อให้เค้าได้รับพลังงานในแต่ละวันที่เหมาะสม ไม่ควรคำนึงถึงเรื่องลดน้ำหนักมากจนไปเกินไปเพราะไม่เช่นนั้นน้องแมวอาจไม่มีแรงหรือได้รับสารอาหารไม่เพียงพอได้

สิ่งที่ควรป้องกัน เพื่อไม่ให้แมวเป็นโรคอ้วน

ถ้าคุณไม่อยากให้น้องแมวของคุณป็นโรคอ้วนและเสี่ยงกับโรคต่างๆที่ตามมา คุณควรหาวิธีป้องกันและดูแลเจ้าแมวเหมียว ให้ห่างจากโรคอ้วน ด้วยวิธีดังต่อไปนี้

      • พาน้องแมวไปเดินเล่นเป็นประจำ เพื่อฝึกวินัยให้น้องแมวได้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
      • ควบคุมปริมาณอาหาร ของน้องแมวในแต่ละวันให้เหมาะสม
      • เลือกประเภทอาหารให้เหมาะสมกับวัยและสายพันธุ์ของน้องแมว
      • ใช้ของเล่น เพื่อเป็นการกระตุ้นให้น้องแมวได้ขยับตัวบ้าง
      • ให้ขนมแบบพอเหมาะ เพียงแค่สัปดาห์ละ 1-2 ครั้งเท่านั้น
      • ให้ดื่มน้ำอย่างเพียงพอ ถ้าน้องแมวได้กินน้ำเพียงพอจะทำร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดี

สำหรับเจ้าของแมวทั้งหลาย มักจะมองว่า แมวอ้วนคือแมวที่น่ารักแต่ในความอ้วนนี้อาจจะแฝงไปด้วยพิษภัยของโรคอ้วนที่มาอย่างเงียบ ๆ แต่ก็อาจจะมีอาการบ่งบอกให้เราได้รู้ ภัยเงียบเหล่านั้นก็จะค่อย ๆ สะสม รอวันแสดงออกมาอย่างร้ายแรงทั้งในรูปแบบของ โรคหัวใจ โรคตับ ตับอ่อน เบาหวาน นิ่วและกระเพาะปัสสาวะอักเสบ และโรคอื่น ๆ อีกมากมายที่ล้วนมีปัจจัยเสริมมาจากความอ้วนอยู่ภายในตัวน้องแมวสุดที่รักทั้งสิ้น ดังนั้นถ้าการเลี้ยงให้แค่ดูน่ารัก หุ่นสวยพอเหมาะ รูปร่างสวย แต่เน้นเรื่องอาหารแมว สูตรลดน้ำหนักเป็นตัวช่วยควบคุมน้ำหนัก ที่ทำให้น้องแมวมีสุขภาพที่ดีและขนที่สวยงาม ดวงตาสดใส มีความร่าเริงน่ารักสดใสตามวัย จะเป็นเรื่องที่ดีมากที่สุดแล้ว


ที่คนค้นหาเกี่ยวกับเนื้อหานี้ :

5 พฤติกรรมของเจ้าเหมียว ที่บ่งบอกความเป็นเจ้าของ

5 พฤติกรรมความกวนที่เหมียวทำ เพื่อบ่งบอกความเป็นเจ้าของ

แมวถือว่าเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีพฤติกรรมความกวนมาเป็นอันดับ 1 ทั้งยังชอบแสดงออกถึงความเป็นเจ้าของด้วยอาการหรือพฤติกรรมที่ค่อนข้างแปลกไปกว่าสัตว์ประเภทอื่น ดังนั้นจึงจะขอพาคุณไปดูพฤติกรรมความกวนที่เหมียวชอบทำ เพื่อเป็นการบ่งบอกถึงความเป็นเจ้าของ ดังนี้


1.นอนทับมันซะเลย!

ไม่ว่าจะเป็นของชิ้นใดก็ตาม ถ้าน้องแมวของคุณถูกใจและต้องการมัน! จะขึ้นไปนอนทับทันที ซึ่งจะต่างไปจากการบอกรักที่ชอบทับของต่าง ๆ ตรงหน้าเจ้าของ หรือเป็นสิ่งของที่คุณกำลังสนใจอยู่ เพราะถ้าแมวต้องการสิ่งใดเป็นพิเศษ เพื่อต้องการนำไปเล่นหรือครอบครองไว้ก็จะขึ้นไปนอนทับทุกอย่างที่ต้องการแบบไม่ยอมลงมา ต่อให้แมวตัวไหนมากวนก็จะไม่ยอมออกจากจุดที่ทับไว้ ซึ่งเป็นการแสดงให้รู้ว่าสิ่งของนี้ถูกจองไว้แล้วนั่นเอง

 

2.ไถขนทิ้งกลิ่น

อีกหนึ่งวิธีบ่งบอกความเป็นเจ้าของ คือ การไถขนไว้ตามจุดต่าง ๆ เพื่อเป็นการทิ้งกลิ่น หรือถ้ามีสิ่งของใดที่ถูกใจเป็นพิเศษรวมไปถึงที่นอน จะทำการกลิ้งตัวไปทั่วและไถขนอย่างเต็มที่ เพื่อเป็นการบอกให้แมวตัวอื่นรู้ว่าสิ่งของหรือสถานที่นี้เป็นของตัวเองเท่านั้น ห้ามเข้ามายุ่งเด็ดขาด

3.ตามติดตลอดเวลา

การแสดงออกถึงความเป็นเจ้าของในตัวผู้เลี้ยง ถือว่าเป็นอีกหนึ่งความกวนของน้องแมว นั่นคือการเดินตามติดตลอดเวลา แทบไม่ละสายตาไปจากคุณ ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนก็จะคอยเดินตามอยู่เสมอ แม้แต่เข้าห้องน้ำก็จะเคาะประตูเรียกหรือยื่นอุ้งเท้าน้อย ๆ ลอดช่องประตูเข้าไป เพื่อแสดงให้รู้ว่า “ฉันรออยู่นะ” นอกจากนี้ยังพยายามเข้าไปทุกห้องและเข้าไปอยู่ทุกส่วนในชีวิตของคุณ แม้แต่การนั่งทำงาน ขอเพียงแค่ได้อยู่ใกล้ ๆ แล้วใช้ช่วงแก้มหนุนแขนคุณไว้ก็ยังดี!

4.เล่นอยู่กับคุณคนเดียว

ถ้ารักและต้องการเป็นเจ้าของแล้ว แมวจะเล่นอยู่กับสิ่งนั้นจนแทบไม่ยอมไปไหน เช่นเดียวกับการบ่งบอกความเป็นเจ้าของผู้เลี้ยง ดังนั้นแมวจะเล่นกับคุณเพียงแค่คนเดียว โดยจะไม่เล่นกับแมวตัวอื่นเลยแม้แต่น้อย ซึ่งถ้ามีแมวตัวอื่นพยายามมาเล่นกับคุณก็จะรีบเข้ามาเล่นด้วยทันที! พร้อมทำท่าทีให้แมวอีกตัวรู้ว่า “ห้ามยุ่งกับเจ้าของฉันนะ เพราะฉันจองแล้ว”

5.ฉี่ใส่ซะเลย

อีกหนึ่งวิธีการแสดงความเป็นเจ้าของสถานที่หรือสิ่งของต่าง ๆ ที่ถือว่ากวนแบบสุด ๆ คือ การฉี่ใส่ทุกอย่าง แม้จะทำหมันมาแล้วแต่ก็ยังคงมีพฤติกรรมฉี่ใส่ของ, ฉี่ใส่ผ้าม่าน, ฉี่ใส่ที่นอน และฉี่ใส่ของทั่วบ้าน หรือแม้แต่เสื้อผ้าคนเลี้ยง เพื่อเป็นการบ่งบอกถึงอาณาเขตและการแสดงความเป็นเจ้าของที่พาให้ผู้เลี้ยงรู้สึกปวดหัวไม่น้อยเลยทีเดียว

สำหรับผู้ที่เลี้ยงแมวแล้วพบพฤติกรรมเหล่านี้ภายในแมวของคุณ ให้รู้ไว้เลยว่าน้องเหมียวกำลังแสดงออกถึงความเป็นเจ้าของ ที่อาจจะทำให้คุณได้ทั้งรู้สึกขำและรู้สึกปวดหัวไปในเวลาเดียวกันอีกด้วย


ที่คนค้นหาเกี่ยวกับเนื้อหานี้ :

รีวิว โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขา สุขุมวิท 55 (ซอย ทองหล่อ)

โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขา สุขุมวิท 55 (ซอย ทองหล่อ)

โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขาสุขุมวิท 55 (ซอย ทองหล่อ) นั้น ก่อตั้งมานาน ยังเป็นสาขาเเรกของการก่อตั้ง ก่อนจะขยายไปยังสาขาอื่น เป็นที่น่าเชื่อถือ เปิดบริการตั้งเเต่ 08.00 – 20.00 เลยทีเดียว สะดวก ในการเดินทาง และ เนื่องจากทางโรงพยาบาล มีนโยบายในการรักษาสัตว์เลี้ยง ด้วยความเข้าอกเข้าใจคนรักสัตว์เป็นหลัก จึงทำให้เกิดการบอกต่อ และเป็นที่รู้จักอย่างเเพร่หลาย ของคนทั่วไปนั่นเอง


สถาน ที่ตั้ง เเละช่องทางติดต่อ 

สนใจไปรับบริการที่ โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขา สุขุมวิท 55 (ซอย ทองหล่อ) สามารถไปที่ สถานที่ตั้ง ตามนี้ได้เลย เดินทางสะดวก เเละพื้นที่กว้างขวาง

โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขา สุขุมวิท 55 (ซอย ทองหล่อ)

205/19-20 ซอยทองหล่อ
(ระหว่างซอย 9 กับ11) ถนนสุขุมวิท 55,
แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110

เบอร์โทร ติดต่อ : +662-712-6119
E-mail : info@thonglorpet.com


ทำไมถึงเลือกใช้บริการที่ โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขา สุขุมวิท 55 (ซอย ทองหล่อ)

เนื่องจากปัจจุบัน มีโรงพยาบาลแมวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลใหญ่หรือคลินิกรักษาแมว แต่สาเหตุที่เข้าไปใช้บริการจาก โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขา สุขุมวิท 55 (ซอย ทองหล่อ) นั้น มีหลายปัจจัยอย่างเช่น

    1. เปิดบริการ 24 ชั่วโมง เราจึงมั่นใจได้ว่า เมื่อแมวของเราป่วย เราสามารถที่จะส่งไปรักษาได้ทันที ไม่ต้องรอเวลา เพราะอาจจะเสียโอกาสและทำให้แมวของเราอาการหนักมากกว่าเดิม
    2. โรงพยาบาลสะอาด และได้มาตรฐาน ซึ่งเรามั่นใจได้เลยว่า การนำแมวของเรา เข้าไปรับการรักษาจะสะอาดและปลอดเชื้อแน่นอน
    3. ทีมสัตวแพทย์ของโรงพยาบาล มีความชำนาญเฉพาะทาง ซึ่งเราสามารถมั่นใจได้เลยว่าการรักษาแมวของเรานั้น จะได้รับการรักษาจากผู้เชี่ยวชาญโดยตรง
    4. โรงพยาบาลได้รับมาตรฐานสากล ตามระบบ ISO และยังมีรางวัลการันตีต่างๆ อีกมากมาย ซึ่งทำให้มั่นใจได้เลยว่าโรงพยาบาลนั้น ได้คุณภาพตามมาตรฐานสากลเเน่นอน
    5. การรักษาของโรงพยาบาลนั้น เน้นการรักษาด้วยการใส่ใจ เข้าใจหัวอกของคนรักแมว ซึ่งทำให้การเข้าไปรักษาแมวทุกครั้ง ได้รับความสบายใจ และประทับใจอย่างมาก

ศูนย์ รักษา – บริการ โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขา สุขุมวิท 55 (ซอย ทองหล่อ)



หากต้องการหา โรงพยาบาลเพื่อรักษาแมว โปรดของท่าน หากท่านอยู่เเถว สุขุมวิท 55 (ซอย ทองหล่อ)
สามารถเข้าไปรับบริการ ขอแนะนำ โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขานี้ได้เลย จากประสบการณ์โดยตรง จากผู้เข้าไปรับบริการ มั่นใจได้เลยว่า ท่านจะประทับใจ ในบริการ และ มาตฐานของ โรงพยาบาล อย่างเช่นเรา อย่างแแน่นอน

ที่คนค้นหาเกี่ยวกับเนื้อหานี้ :

รีวิว 5 อันดับ อาหารแมว สูตรรักษาระบบทางเดินอาหาร ที่ดีที่สุด

5 อาหารแมวสูตรรักษาระบบทางเดินอาหารผิดปกติ กินง่าย ย่อยง่าย ดูดซึมไว

ระบบทางเดินอาหารผิดปกติ” ถือเป็นหนึ่งในโรคยอดฮิตของน้องแมวเลยก็ว่าได้ โดยสาเหตุของโรคเกิดจากที่แมวกินอาหารอย่างอื่นที่ไม่ใช่อาหารของแมว รวมไปถึงความไวต่อการแพ้อาหาร, การติดเชื้อ หรือการขาดเอมไซม์ในการย่อย เป็นต้น โดยสายพันธุ์ที่มักจะมีปัญหาในเรื่องนี้มากที่สุด คือสายพันธุ์ สฟิงค์ และแร็กดอล สำหรับวิธีการรักษา แพทย์จะแนะนำให้แมวของคุณกินอาหารที่ย่อยง่าย เพื่อช่วยป้องกันการระคายเคืองในกระเพาะและลำไส้ อีกทั้งยังต้องดื่มน้ำอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันอาหารขาดน้ำนั่นเอง ดังนั้นเราจึงนำ 5 อาหารแมวสำหรับระบบทางเดินอาหาร มาบอกกัน

>> รวมรายการ อาหารแมวสูตรรักษาระบบทางเดินอาหารผิดปกติ ราคาถูก มีให้เลือกหลากหลาย  คลิกที่นี่ได้เลย


1.Hill’ s Prescription Diet อาหารแมวสูตร Gastrointestinal Biome Feline Chicken & Vegetable Stew ชนิดเปียก

เริ่มต้นด้วย Hill’ s Prescription Diet สูตร Gastrointestinal Biome Feline Chicken & Vegetable Stew ชนิดเปียกที่เหมาะสำหรับน้องแมวที่มีปัญหาสุขภาพ โดยเฉพาะระบบทางเดินอาหารที่มักจะแปรปรวนอยู่เสมอ ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยการดูแลระบบสมดุลของจุลินทรีย์ในทางเดินอาหาร อาหารสูตรนี้จึงช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ ทำให้การทำงานของระบบลำไส้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีสารอาหารครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นโอเมก้า 3 และกากใยอาหาร อีกทั้งยังช่วยให้ลำไส้ย่อยอาหารได้ดียิ่งขึ้นด้วย ราคาอยู่ที่ประมาณ 75 บาท

>> สั่งซื้อ Hill’ s Prescription Diet อาหารแมวสูตร Gastrointestinal Biome Feline Chicken & Vegetable Stew ชนิดเปียก ราคาถูกที่สุด  คลิก


2.Hill’ s Prescription Diet อาหารแมวสูตร Gastrointestinal Biome Feline

เป็นอาหารแมวสูตร Gastrointestinal Biome Feline ที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพของทางเดินอาหาร เหมาะสำหรับน้องแมวที่มีปัญหาในระบบทางเดินอาหารและระบบขับถ่าย โดยสูตรนี้จะช่วยให้ลำไส้มีการเคลื่อนไหวเพื่อช่วยย่อยอาหารได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการทำงาน และกระตุ้นการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่ดีต่อระบบทางเดินอาหาร อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะทาง Hill’ s Prescription Diet ได้ใช้เทคโนโลยี S+OX SHIELDTM มาช่วยในการผลิต ส่งผลช่วยปรับสมดุลในระบบทางเดินปัสสาวะ และช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคนิ่วในแมวได้เป็นอย่างดี ราคาอยู่ที่ประมาณ 1,000 บาท

>> สั่งซื้อ Hill’ s Prescription Diet อาหารแมวสูตร Gastrointestinal Biome Feline สินค้าของแท้ 100% คลิก


3.Hill’ s Prescription Diet อาหารแมวสูตร Digestive Care i/d Feline

แมวของใครที่มีปัญหาระบบทางเดินอาหาร ต้องให้กินอาหารสูตรนี้เลย นั่นก็คือ Digestive Care i/d Feline ชนิดเปียก แบบกระป๋อง 5.5 oz. ซึ่งอาหารแมวสูตรนี้จะช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายให้กลับมาทำงานได้เป็นปกติสม่ำเสมอ และเอื้อต่อการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ต่อระบบทางเดินอาหาร โดยไม่จำเป็นต้องใช้อาหารเสริมชนิดอื่นเข้าช่วย นอกจากนี้ สารอาหารยังดูดซึมง่าย ช่วยให้น้องแมวของคุณได้รับโภชนาการแบบครบถ้วนเต็มๆ และยังช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้ดีอีกด้วย จัดเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างมาก ราคาอยู่ที่ประมาณ 110 บาท ใครที่มองหาอาหารแมวกระป๋อง เปิดง่ายกินง่าย แถมช่วยแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด ต้อง Hill’ s Prescription Diet เท่านั้น

>> สั่งซื้อHill’ s Prescription Diet อาหารแมวสูตร Digestive Care i/d Feline แบบกระป๋อง 5.5 oz.ปลอดภัย คุณภาพดี ราคาถูก คลิก


4.Royal Canin อาหารแมวสูตร Gastro Intestinal

ต่อกันด้วยแบรนด์อาหารแมวที่คนส่วนใหญ่แนะนำ กับ Royal Canin สูตร Gastro Intestinal ชนิดแห้ง เหมาะสำหรับน้องแมวที่ถ่ายเหลว และมีการดูดซึมอาหารที่ผิดปกติ หรือแมวของใครที่เป็นโรคกระเพาะอักเสบ, ลำไส้อักเสบ และมีภาวะความอยากอาหารที่แปรปรวน ก็สามารถรับประทานได้เช่นเดียวกัน สำหรับสูตรนี้มีสารอาหารครบถ้วน โดยใช้แหล่งคาร์โบไฮเดรตที่ย่อยง่ายจากข้าว เสริมด้วยน้ำมันปลาโอเมก้า 3 เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปกป้องทางเดินอาหาร คุณจึงมั่นใจได้เลยว่าแมวของคุณจะกลับมาร่าเริงสดใสและกินอาหารได้อีกครั้ง ราคาอยู่ที่ประมาณ 270 – 850 บาท

>> สั่งซื้อRoyal Canin อาหารแมวสูตร Gastro Intestinal ชนิดแห้ง คุณภาพสุดคุ้ม ราคาไม่แพง คลิก


5.Royal Canin อาหารแมวสูตร Gastro Intestinal (ชนิดเปียก)

ปิดท้ายด้วยสูตร Gastro Intestinal ชนิดเปียก เหมาะสำหรับน้องแมวที่มีปัญหาท้องเสียเรื้อรัง, อุจจาระร่วงเฉียบพลัน หรือโรคกระเพาะอักเสบ เป็นต้น โดยอาหารแมวสูตรนี้จะช่วยในการดูดซึมอาหารให้ดียิ่งขึ้น มาพร้อมสารอาหารที่ครบถ้วน ทั้งโอเมก้า 3, คาร์โบไฮเดรตจากข้าว และมีในอาหารจากหัวชูการ์บีท เพื่อช่วยในการทำงานของระบบทางเดินอาหาร ให้กลับมามีประสิทธิภาพอีกครั้ง นอกจากนี้ยังช่วยให้แมวของคุณกินอาหารได้มากขึ้น หมดกังวลเรื่องภาวะขาดสารอาหาร หรือขาดน้ำได้ ราคาอยู่ที่ประมาณ 60 บาท

>> สั่งซื้อ Royal Canin อาหารแมวสูตร Gastro Intestinal (ชนิดเปียก) ของแท้ ราคาถูก คลิก


สำหรับแมวของใครที่มีปัญหาระบบทางเดินอาหาร สามารถไปเลือกอาหารแมวตามที่เราแนะนำได้ อย่าลืมว่าโรคนี้มีความร้ายแรง เพราะหากสัตว์เลี้ยงไม่สามารถกินอาหารได้ตามปกติ ก็เสี่ยงที่จะป่วยหนักได้นั่นเอง

ที่คนค้นหาเกี่ยวกับเนื้อหานี้ :

รีวิว โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขา รามอินทรา

โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขา รามอินทรา

โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขา รามอินทรา นั้น ก่อตั้งมานาน เป็นที่น่าเชื่อถือ และยังเป็น โรงพยาบาลสัตว์ แห่งแรกที่เปิดไห้บริการตลอด 24 ชั่วโมง การเดินทางสะดวกสบาย เเถมตั้งอยู่ที่ตีก 5 ชั้น และ เนื่องจากทางโรงพยาบาล มีนโยบายในการรักษาสัตว์เลี้ยง ด้วยความเข้าอกเข้าใจคนรักสัตว์เป็นหลัก จึงทำให้เกิดการบอกต่อ และเป็นที่รู้จักอย่างเเพร่หลาย ของคนทั่วไปนั่นเอง


สถาน ที่ตั้ง เเละช่องทางติดต่อ 

สนใจไปรับบริการที่ โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขา รามอินทรา สามารถไปที่ สถานที่ตั้ง ตามนี้ได้เลย เดินทางสะดวก เเละพื้นที่กว้างขวาง

โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขา รามอินทรา

1492-492/1 ซอย รามอินทรา 50 ถนนรามอินทรา
แขวงคันนายาว เขตคันนายาว กรุงเทพมหานคร 10230

เบอร์โทร ติดต่อ : +662-948-5056-7
E-mail : info@thonglorpet.com


ทำไมถึงเลือกใช้บริการที่ โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขา รามอินทรา

เนื่องจากปัจจุบัน มีโรงพยาบาลแมวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลใหญ่หรือคลินิกรักษาแมว แต่สาเหตุที่เข้าไปใช้บริการจาก โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขา รามอินทรา นั้น มีหลายปัจจัยอย่างเช่น

    1. เปิดบริการ 24 ชั่วโมง เราจึงมั่นใจได้ว่า เมื่อแมวของเราป่วย เราสามารถที่จะส่งไปรักษาได้ทันที ไม่ต้องรอเวลา เพราะอาจจะเสียโอกาสและทำให้แมวของเราอาการหนักมากกว่าเดิม
    2. โรงพยาบาลสะอาด และได้มาตรฐาน ซึ่งเรามั่นใจได้เลยว่า การนำแมวของเรา เข้าไปรับการรักษาจะสะอาดและปลอดเชื้อแน่นอน
    3. ทีมสัตวแพทย์ของโรงพยาบาล มีความชำนาญเฉพาะทาง ซึ่งเราสามารถมั่นใจได้เลยว่าการรักษาแมวของเรานั้น จะได้รับการรักษาจากผู้เชี่ยวชาญโดยตรง
    4. โรงพยาบาลได้รับมาตรฐานสากล ตามระบบ ISO และยังมีรางวัลการันตีต่างๆ อีกมากมาย ซึ่งทำให้มั่นใจได้เลยว่าโรงพยาบาลนั้น ได้คุณภาพตามมาตรฐานสากลเเน่นอน
    5. การรักษาของโรงพยาบาลนั้น เน้นการรักษาด้วยการใส่ใจ เข้าใจหัวอกของคนรักแมว ซึ่งทำให้การเข้าไปรักษาแมวทุกครั้ง ได้รับความสบายใจ และประทับใจอย่างมาก

ศูนย์ รักษา – บริการ โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขา รามอินทรา



หากต้องการหา โรงพยาบาลเพื่อรักษาแมว โปรดของท่าน หากท่านอยู่เเถว รามอินทรา สามารถเข้าไปรับบริการ ขอแนะนำ โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขานี้ได้เลย จากประสบการณ์โดยตรง จากผู้เข้าไปรับบริการ มั่นใจได้เลยว่า ท่านจะประทับใจ ในบริการ และ มาตฐานของ โรงพยาบาล อย่างเช่นเรา อย่างแแน่นอน

ที่คนค้นหาเกี่ยวกับเนื้อหานี้ :

รีวิว โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขา พระราม 2

โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขา พระราม 2

โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขา พระราม 2 นั้น ก่อตั้งมานาน เป็นที่น่าเชื่อถือ และยังเป็นโรงพยาบาลสัตว์แห่งแรกที่เปิดไห้บริการตลอด 24 ชั่วโมง และ เนื่องจากทางโรงพยาบาล มีนโยบายในการรักษาสัตว์เลี้ยง ด้วยความเข้าอกเข้าใจคนรักสัตว์เป็นหลัก จึงทำให้เกิดการบอกต่อ และเป็นที่รู้จักอย่างเเพร่หลาย ของคนทั่วไปนั่นเอง


สถาน ที่ตั้ง เเละช่องทางติดต่อ 

สนใจไปรับบริการที่ โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขา พระราม 2  สามารถไปที่ สถานที่ตั้ง ตามนี้ได้เลย เดินทางสะดวก เเละพื้นที่กว้างขวาง

30/6 ถนนพระราม 2 แขวงท่าข้าม
เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร 10150

เบอร์โทร ติดต่อ : +662-079-9900
E-mail : info@thonglorpet.com


ทำไมถึงเลือกใช้บริการที่ โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขา พระราม 2

เนื่องจากปัจจุบัน มีโรงพยาบาลแมวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลใหญ่หรือคลินิกรักษาแมว แต่สาเหตุที่เข้าไปใช้บริการจากโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขา พระราม 2  นั้น มีหลายปัจจัยอย่างเช่น

    1. เปิดบริการ 24 ชั่วโมง เราจึงมั่นใจได้ว่า เมื่อแมวของเราป่วย เราสามารถที่จะส่งไปรักษาได้ทันที ไม่ต้องรอเวลา เพราะอาจจะเสียโอกาสและทำให้แมวของเราอาการหนักมากกว่าเดิม
    2. โรงพยาบาลสะอาด และได้มาตรฐาน ซึ่งเรามั่นใจได้เลยว่า การนำแมวของเรา เข้าไปรับการรักษาจะสะอาดและปลอดเชื้อแน่นอน
    3. ทีมสัตวแพทย์ของโรงพยาบาล มีความชำนาญเฉพาะทาง ซึ่งเราสามารถมั่นใจได้เลยว่าการรักษาแมวของเรานั้น จะได้รับการรักษาจากผู้เชี่ยวชาญโดยตรง
    4. โรงพยาบาลได้รับมาตรฐานสากล ตามระบบ ISO และยังมีรางวัลการันตีต่างๆ อีกมากมาย ซึ่งทำให้มั่นใจได้เลยว่าโรงพยาบาลนั้น ได้คุณภาพตามมาตรฐานสากลเเน่นอน
    5. การรักษาของโรงพยาบาลนั้น เน้นการรักษาด้วยการใส่ใจ เข้าใจหัวอกของคนรักแมว ซึ่งทำให้การเข้าไปรักษาแมวทุกครั้ง ได้รับความสบายใจ และประทับใจอย่างมาก

ศูนย์ รักษา – บริการ โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขา พระราม 2

หากต้องการหา โรงพยาบาลเพื่อรักษาแมว โปรดของท่าน หากท่านอยู่เเถว พระราม 2  สามารถเข้าไปรับบริการ ขอแนะนำ โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขานี้ได้เลย จากประสบการณ์โดยตรง จากผู้เข้าไปรับบริการ มั่นใจได้เลยว่า ท่านจะประทับใจ ในบริการ และ มาตฐานของ โรงพยาบาล อย่างเช่นเรา อย่างแแน่นอน

ที่คนค้นหาเกี่ยวกับเนื้อหานี้ :

รีวิว 8 อันดับ อาหารแมวสูตรกำจัดก้อนขน ยี่ห้อไหนดี คุณภาพดี บำรุงขนสวยที่สุด

8 อาหารแมวสูตรกำจัดก้อนขน บำรุงขนสวย พร้อมเสริมภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรง

“ก้อนขน” หนึ่งในปัญหากวนใจของคนเลี้ยงแมว เพราะเจ้าก้อนขนที่พันกัน มักจะกลายเป็นอาหารของแมว และเมื่อน้องแมวกินเข้าไปก็ต้องอาเจียนออกมา แต่หากก้อนมีขนาดใหญ่ก็ส่งผลร้ายต่อกระเพาะ และอวัยวะอื่นๆ ภายในของแมวได้ ซึ่งสาเหตุหลักๆ ของการเกิดก้อนขนก็มาจากการกินขนเข้าไปมากเกิน บวกกับปัญหาโรคผิวหนังในแมว จึงทำให้มีขนร่วงเป็นจำนวนมาก และการที่แมวต้องทำความสะอาดตัวเอง จึงส่งผลให้เกิดภาวะก้อนขนด้วยนั่นเอง และอีกสาเหตุ คือความผิดปกติในระบบทางเดินอาหาร เพราะก้อนขนจะสัมพันธ์กับลำไส้อักเสบ หรือตับอ่อนอักเสบ เป็นต้น วิธีการดูแลง่ายๆ คือปรับการกินอาหาร โดยเจ้าของควรเลือกอาหารที่มีประโยชน์ และช่วยลดอาการแพ้ในแมวนั่นเอง วันนี้เราจึงนำ 8 อาหารแมวสูตรลดก้อนขนมาแนะนำกันดังนี้

>>รวมรายการ อาหารแมวสูตรกำจัดก้อนขนและลดก้อนขน ของแท้ เชื่อถือได้ คลิกที่นี่ได้เลย


1.Hill’s Science Diet อาหารแมวชนิดเม็ด สูตร Hairball Control Adult 7+ -2kg.

เริ่มต้นด้วยแบรนด์อาหารแมวชั้นนำอย่าง Hill’s Science Diet ที่มาพร้อมสูตร Hairball Control Adult 7+ ชนิดเม็ด เหมาะสำหรับน้องแมวสูงวัยหรืออายุตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไป และมีปัญหาก้อนขนอุดตัน เรียกได้ว่าแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดทีเดียว สำหรับการให้อาหารแมวสูตรกำจัดก้อนขนดังกล่าว เพราะเม็ดอาหารผลิตจากใยธรรมชาติ ช่วยลดก้อนขนในแมวได้เป็นอย่างดี อีกทั้งสารอาหารยังครบถ้วน ทั้งวิตามินอี, โอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 เพื่อช่วยให้ผิวและขนของน้องแมวมีสุขภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีทอรีนที่มีคุณสมบัติช่วยในเรื่องของการบำรุงหัวใจ มีแร่ธาตุที่สมดุล เพื่อดูแลไตและกระเพาะปัสสาวะ ซึ่งทั้งหมดนี้ผลิตขึ้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ดังนั้น คุณจึงวางใจได้เลย ราคาอยู่ที่ประมาณ 630 บาท

>> สั่งซื้อ Hill’s Science Diet สูตร Hairball Control Adult 7+-2 kg ชนิดเม็ด ที่ดีที่สุด คลิก


2.Hill’s Science Diet อาหารแมวแบบเม็ด สูตร Adult 1-6 Hairball Control Light 3.26 kg.

ใครที่อยากลดก้อนขนน้องแมว มาดูสูตรนี้เลย Adult 1-6 Hairball Control Light ชนิดเม็ด เหมาะสำหรับน้องแมวอายุ 1-6 ปี สำหรับสูตรนี้มีคุณสมบัติช่วยในการควบคุมปัญหาก้อนขนและน้ำหนักในแมว อีกทั้งยังมีสารอาหารที่ครบถ้วน ตัวเม็ดอาหารผลิตจากใยธรรมชาติ เพื่อช่วยในการลดก้อนขนในแมวได้อย่างดี นอกจากนี้ยังมีพลังงานน้อยกว่า 13% เมื่อเทียบกับสูตรอื่นๆ ของ Hill’s Science Diet ทั้งนี้เพื่อช่วยให้น้องแมวกลับมามีรูปร่างที่ดี และมีโปรตีนคุณภาพสูง ช่วยรักษามวลกล้ามเนื้อได้ ที่สำคัญอาหารแมวสูตรนี้ยังผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้คุณวางใจทุกครั้ง เมื่อเลือกให้แมวกิน ราคาอยู่ที่ประมาณ 1,100 บาท

>> สั่งซื้อ Hill’s Science Diet สูตร Adult 1-6 Hairball Control Light ชนิดเม็ด คุณภาพดี คลิก


3.Hill’s Science Diet อาหารแมวแบบเม็ด สูตร Feline Adult 1-6 Hairball Control -2kg.

หากจะมองหาสูตรกำจัดก้อนขน ต้องนี่เลย Feline Adult 1-6 Hairball Control ของ Hill’s Science Diet อาหารแมวแบบเม็ด เหมาะสำหรับน้องแมวอายุ 1-6 ปี และต้องการควบคุมปัญหาก้อนขนกวนใจ รับรองได้เลยว่าจัดการได้แน่นอน ซึ่งอาหารแมวสูตรดังกล่าวมาพร้อมคุณค่าทางสารอาหารที่ครบถ้วน อุดมไปด้วยวิตามินอี และมีโอเมก้า 3 กับ 6 เพื่อช่วยให้แมวมีสุขภาพผิวและขนที่ดีกว่าเดิม โดยเม็ดอาหารผลิตจากใยธรรมชาติ ช่วยลดปริมาณก้อนขนในแมวได้ อีกทั้งยังมีโปรตีนคุณภาพสูง สามารถคงสภาพกล้ามเนื้อของแมวไว้ได้ นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นให้อยากกินอาหารมากขึ้น ราคาอยู่ที่ประมาณ 630 บาท

>> สั่งซื้อ Hill’s Science Diet สูตร Feline Adult 1-6 Hairball Control ชนิดเม็ด ของแท้ เชื่อถือได้ คลิก


4.Royal Canin อาหารแมวแบบเม็ด สูตร Hairball Care

มาถึงแบรนด์อาหารแมวที่หลายคนไว้วางใจ กับ Royal Canin เป็นอีกหนึ่งอาหารแมวสูตรกำจัดก้อนขน เหมาะสำหรับน้องแมวที่มีอายุตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป และมีปัญหาก้อนขนโดยเฉพาะ โดยสูตรนี้มาพร้อมสารอาหารที่ครบถ้วน ช่วยดูแลน้องแมว ตั้งแต่เรื่องก้อนขน และลดการจับตัวของก้อนขน อีกทั้งยังมีไฟเบอร์สูง ช่วยในเรื่องของระบบขับถ่ายให้ทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งใครที่อยากช่วยให้ปัญหาก้อนขนของน้องแมวหมดไป สูตรนี้ถือว่าตอบโจทย์ได้ดีอย่างยิ่ง เพราะก้อนขนสามารถสร้างความอันตรายได้มากกว่าที่คุณคิด หากไม่ป้องกัน ก้อนขนอาจติดในกระเพาะ จนน้องแมวเกิดอาการป่วยได้ ดังนั้นเลือกทานอาหารให้เหมาะสมดีที่สุด ราคาอยู่ที่ประมาณ 195 – 790 บาท

>> สั่งซื้อ Royal Canin สูตร Hairball Care ชนิดเม็ด ของแท้ ราคาถูก คลิก


5.AvoDerm อาหารแมวชนิดเม็ด สูตร Indoor Hairball Care -1.59 kg.

อีกหนึ่งแบรนด์อาหารแมวคุณภาพดี นั่นก็คือ AvoDerm กับสูตร Indoor Hairball Care ชนิดเม็ด เหมาะสำหรับน้องแมวอายุตั้งแต่ 1 ปี และเป็นแมวที่เลี้ยงในบ้าน มาพร้อมสารอาหารที่ครบถ้วน ช่วยลดปัญหาก้อนขนกวนใจ อีกทั้งยังสามารถป้องกันก้อนขนติดในกระเพาะของแมวได้อีกด้วย เพราะสูตรนี้มีไฟเบอร์สุดพิเศษ ที่ช่วยลดการก่อตัวของก้อนขน และยังมีโอเมก้าจากอโวคาโด ช่วยในการบำรุงขนและผิวหนังให้สุขภาพดี จัดเป็นหนึ่งในอาหารแมวที่คุณไม่ควรมองข้าม เพราะอัดแน่นไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการอย่างครบถ้วน ราคาอยู่ที่ประมาณ 740 บาทเท่านั้น

>> สั่งซื้อ AvoDerm สูตร Indoor Hairball Care ชนิดเม็ด ช่วยลดปัญหาก้อนขนของน้องแมว คลิก


6.Kit Cat อาหารแมวแบบเม็ด สูตร Signature Salmon

ต่อกันด้วยแบรนด์ชื่อน่ารัก อย่าง Kit Cat กับสูตร Signature Salmon เหมาะสำหรับแมวโต ที่ต้องการอาหารมาบำรุงขนและผิวหนังให้มีความสวย รวมไปถึงช่วยให้สุขภาพดียิ่งขึ้น โดยสูตรนี้เป็นรสปลาแซลมอน และมีคุณประโยชน์ถึง 9 ประการ อีกทั้งยังมีส่วนผสมของโอเมก้า 3, โอเมก้า 6 ที่อยู่ในปลาแซลมอนด้วย สำหรับใครที่ต้องการเน้นสุขภาพผิวหนังและเส้นขน พร้อมช่วยป้องกันการหลุดร่วงของเส้นขน สูตรนี้ถือว่าตอบโจทย์อย่างมาก นอกจากนี้คิทแคท ยังถูกสร้างสรรค์โดยนักโภชนาการที่มีใจรักแมว ทำให้คุณมั่นใจได้เลยว่าแมวของคุณจะได้กินอาหารดีๆ อย่างแน่นอน ราคาอยู่ที่ประมาณ 225 บาท

>> สั่งซื้อ Kit Cat สูตร Signature Salmon ชนิดเม็ด ราคาถูก คุ้มค่า คลิก


7.Kit Cat อาหารแมวแบบเม็ด สูตร Chicken Cuisine -1.2 kg.

หนึ่งในสูตรกำจัดก้อนขนที่คุณไม่ควรมองข้าม กับ Chicken Cuisine เหมาะสำหรับแมวโต โดยเป็นอาหารเม็ด สูตรท็อปปิ้งไก่อบแห้ง มาพร้อมคุณประโยชน์ 9 ประการ ช่วยลดการเกิดก้อนขน และมีส่วนผสมของไฟเบอร์กากใย ป้องกันการเกิดก้อนขนได้ อีกทั้งยังง่ายต่อการขับถ่ายของน้องแมว นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องดูแลสุขภาพหัวใจ, การมองเห็นและลดกลิ่นของเสียที่ขับถ่ายออกมาได้เป็นอย่างดี ตัวอาหารเม็ดมีความกรอบ ช่วยขัดฟันและลดคราบหินปูนได้ โดยสารอาหารในสูตรนี้ มีความจำเป็นต่อระบบประสาทและสมอง ช่วยทำให้น้องแมวมีความสุขมากยิ่งขึ้นเมื่อได้กินเป็นประจำ ราคาอยู่ที่ประมาณ 225 บาท

>> สั่งซื้อ Kit Cat สูตร Chicken Cuisine ชนิดเม็ด ราคาไม่แพง คลิก


8.Kit Cat อาหารแมวแบบเม็ด สูตร Pick of the Ocean 1.2 kg.

ปิดท้ายด้วยคิทแคท สูตร Pick of the Ocean เป็นอาหารเม็ด สูตรปลาทะเล มาพร้อมคุณประโยชน์ 9 ประการ เหมาะสำหรับแมวโตที่มีปัญหาในระบบทางเดินปัสสาวะหรือต้องการกำจัดก้อนขน โดยสูตรนี้มีปริมาณแมกนีเซียมต่ำ และมีความสมดุลของกรด-ด่าง ที่ช่วยลดการเกิดปัญหานิ่วในแมวได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยดูแลสุขภาพหัวใจและการมองเห็น ตัวเม็ดมีความกรอบ ช่วยในการขัดฟัน นอกจากนี้ยังสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย พร้อมช่วยส่งเสริมโครงสร้างกระดูกให้แข็งแรง ราคาอยู่ที่ประมาณ 225 บาท

>> สั่งซื้อ Kit Cat สูตร Pick of the Ocean ชนิดเม็ด ที่ดีที่สุด คุณภาพดี ไม่แพง คลิก


สำหรับใครที่น้องแมวมีปัญหาเรื่องก้อนขน สามารถไปเลือกอาหารตามที่เราแนะนำได้ รับรองเลยว่าแต่ละอาหารแมวแต่ละสูตรจะช่วยกำจัดก้อนขน และทำให้น้องแมวกลับมามีสุขภาพแข็งแรงได้ดีอีกครั้งแน่นอน

ที่คนค้นหาเกี่ยวกับเนื้อหานี้ :

8 เรียนรู้อารมณ์แมวอย่างเข้าใจด้วย 4 ปัจจัยสำคัญ

8.เรียนรู้อารมณ์แมวอย่างเข้าใจด้วย 4 ปัจจัยสำคัญ

เชื่อว่าหนึ่งในเรื่องที่คนเลี้ยงแมวอยากจะรู้มากที่สุด คือ การสื่อสารกับแมวแบบใดจึงจะสามารถเข้าใจถึงความคิด, อารมณ์ และความรู้สึกในช่วงเวลานั้น ๆ ของแมวได้เป็นอย่างดี เพราะการสื่อสารจะช่วยทำให้เจ้าของสามารถเลี้ยงน้องแมวได้ง่ายมากขึ้น เป็นการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ทำให้การอยู่ร่วมกันมีความสุขมากขึ้น ดังนั้นถ้าคุณต้องการที่จะเข้าใจอารมณ์แมวอย่างชัดเจน ควรรู้ถึง 4 ปัจจัยสำคัญต่อไปนี้

1.สื่อสารผ่านหู

การสื่อสารผ่านหู คือ เมื่อแมวมีปฏิกิริยาด้านอารมณ์ต่าง ๆ จะแสดงออกผ่านทางหูได้อย่างชัดเจนด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะการเอียงและขยับหูไป-มา เป็นการทำให้เห็นถึงการเรียนรู้เสียงและพยายามที่จะวิเคราะห์ว่าเสียงที่ได้ยินนั้นเป็นอย่างไร  แต่ถ้าแมวกำลังผ่อนคลายอยู่ หูจะตั้งตรงตามปกติและอาจจะเอียงออกไปทางด้านข้างเล็กน้อย แต่ถ้าหูเริ่มถูกกดลงไปด้านข้างแบบต่ำขั้นสุด นั่นหมายถึงอาการกลัวและกำลังพยายามป้องกันตัวเอง นอกจากนี้การขยับหูไป-มาและตั้งตรงขึ้นยังหมายถึงความรู้สึกตื่นกลัว รู้สึกตกใจ จึงจำเป็นที่จะต้องขยับหูเพื่อให้รู้ทิศทางของสิ่งอันตรายที่กำลังจะมาถึงตัวเอง

2.หางก็บอกอารมณ์ได้

หางที่สามารถบอกอารมณ์ได้ คือ การแกว่งไป-มาทั้งซ้ายและขวาแบบช้า ๆ จะหมายถึงความรู้สึกที่เพลิดเพลินและกำลังผ่อนคลาย แต่ถ้าเมื่อใดที่หางเริ่มตีขึ้น-ลงอย่างแรงจะหมายถึงความรู้สึกไม่พึงพอใจและอาจจะป้องกันตัวด้วยการข่วนอีกด้วย หรือถ้าเป็นการยกหางขึ้นแบบโค้งสูงและมีการพองขนร่วมด้วย นั่นหมายถึงกำลังเตรียมพร้อมจะสู้เพื่อป้องกันตัวเอง  นอกจากนี้การควงหางจนแทบจะเป็นวงกลมแบบรุนแรง ก็จะหมายถึงอาการกลัวจนเครียดและพร้อมสู้ด้วยเช่นกัน

3.สายตาพิฆาต

สายตาพิฆาตของน้องเหมียว ไม่ได้มีไว้เพื่อการมองแรง! เท่านั้น แต่ยังเป็นการสื่อสารให้เจ้าของได้รู้ถึงความสุข ความผ่อนคลาย การอยากเล่น หรือความรู้สึกกลัวกับกำลังโกรธได้ครบถ้วนเช่นกัน ดังนั้นคุณจึงต้องสังเกตให้ดี ถ้าน้องแมวมีอาการตาปรือ กระพริบตาช้า ๆ จะหมายถึงกำลังเพลิดเพลิน รู้สึกพึงพอใจและมีความสุข แต่ถ้าตาเบิกโพลงกว้างจะหมายถึงความรู้สึกตกใจกลัว นอกจากนี้การจ้องมองสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นพิเศษและมองอย่างตั้งใจ จะหมายถึงความกังวลและความหวาดกลัวด้วยเช่นกัน

4.ปากก็สื่อสารได้

ปากและจมูกของน้องแมวสามารถสื่อสารให้คุณรู้ได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งถ้าแมวของคุณกำลังรู้สึกสบายใจและมีความสุข หนวดจะมีการเคลื่อนไหวเองแบบเป็นอิสระและน้องแมวมักจะเลียขนข้างปากของตัวเองแบบสบายใจ หนวดจะถูกดึงเข้ามาชิดกับใบหน้า แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่รู้สึกกลัวหรือวิตกกังวล หนวดของแมวจะกางออกและริมฝีปากปิดสนิท แต่ถ้าเครียดหนักขึ้นจะเริ่มเลียปากบ่อยครั้ง โดยจะเป็นการแลบลิ้นออกมาเลียจมูกบ่อย ๆ ให้เห็นอย่างชัดเจน

ถ้าคุณต้องการเป็นเจ้าของน้องแมวอย่างเข้าใจ คุณควรสื่อสารให้ได้ด้วยทั้ง 4 ปัจจัยนี้ เรียนรู้ให้เข้าใจทั้งการสื่อสารและการแสดงออกทางพฤติกรรม คุณก็จะสามารถเข้าถึงความต้องการของน้องแมวได้มากขึ้นและช่วยทำให้คุณกับน้องแมวใช้ชีวิตที่มีความสุขร่วมกันได้แน่นอน!

ที่คนค้นหาเกี่ยวกับเนื้อหานี้ :

6 เรื่องสำคัญของมือใหม่หัดเลี้ยงแมว เรียนรู้ก่อนมีเจ้านายตัวจริง

6 เรื่องสำคัญของมือใหม่หัดเลี้ยงแมว เรียนรู้ก่อนมีเจ้านายตัวจริง

คำเคลมที่ว่า “คุณไม่ได้เลี้ยงแมว แต่แมวต่างหากที่เลือกเจ้าของเอง” ไม่ใช่เป็นแค่การพูดลอย ๆ แบบไร้เหตุผล เพราะแม้แต่นักวิจัยเกี่ยวกับแมวก็ยังมีการแสดงผลว่าต่อให้คุณซื้อแมวพันธุ์มาเลี้ยง แต่ถ้าแมวไปเจอคนอื่นที่ถูกใจมากกว่าก็พร้อมจะย้ายบ้านไปอยู่กับคน ๆ นั้นทันที! ดังนั้นถ้าคุณเป็นมือใหม่ที่กำลังจะเลี้ยงแมวและเลี้ยงได้อย่างราบรื่น สามารถมัดใจแมวได้ ลองมาดู 6 เรื่องสำคัญของมือใหม่หัดเลี้ยงแมวที่คุณควรรู้ ดังนี้

1.ความสะอาดมาที่ 1

แมวเป็นสัตว์ที่รักความสะอาดเป็นอย่างมาก ดังนั้นคุณจะต้องเน้นเรื่องความสะอาดมาเป็นที่ 1 ไม่ว่าจะเป็นที่นอน, ที่ให้อาหาร, น้ำดื่ม หรือกระบะทราย ทุกส่วนจะต้องสะอาดทั้งหมด ไม่เช่นนั้นอาจทำให้น้องแมวรู้สึกเครียดจนพฤติกรรมเปลี่ยนและหนีคุณไปในที่สุด

2.วัคซีนต้องครบ

อีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่คุณควรรู้ก่อนรับน้องแมวมาเลี้ยง คือ เมื่อได้แมวมาแล้ว ควรทำการฉีดวัคซีนให้ครบตามช่วงเวลาที่สัตวแพทย์แนะนำ โดยจะมีทั้งวัคซีนหลักและวัคซีนที่คุณเลือกได้ สำหรับวัคซีนหลักที่คุณควรฉีดให้กับแมว คือ โรคหวัดแมว, ไวรัสไข้หัดแมว และไวรัสมะเร็งเม็ดเลือดขาว ที่ถือว่าเป็นโรคน่ากลัวและแมวก็มักจะเป็นโรคเหล่านี้บ่อยครั้งมากที่สุด

3.ค่อยเป็นค่อยไป

เมื่อคุณรับแมวมาเลี้ยงแล้ว ควรปล่อยให้แมวสำรวจห้องต่าง ๆ ภายในบ้านอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ควรดุหรือทำท่าทีทำร้ายแมวตั้งแต่วันแรก ๆ ที่รับมาเลี้ยงเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นอาจทำให้แมวรู้สึกกลัวและไม่ไว้วางใจคุณอีกต่อไป

4.ไม่บังคับหรือฝืนใจ

ถ้าคุณเจอกับแมวในวันแรก ๆ ไม่ควรบังคับหรือฝืนใจให้ต้องถูกกอด, นอนด้วยกัน รวมไปถึงการใส่ปลอกคอ, เสื้อ และบังคับทำเรื่องต่าง ๆ ที่อาจจะทำให้แมวรู้สึกเครียดมากยิ่งขึ้น เพราะการเปลี่ยนที่อยู่ใหม่และการได้เจ้าของใหม่เป็นประสบการณ์ที่แมวยังไม่เคยเจอมาก่อน จึงก่อให้เกิดความเครียดและวิตกกังวลง่ายเลยทีเดียว

5.เลี้ยงระบบปิด แต่ต้องมีกิจกรรม

การเลี้ยงระบบปิดถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะช่วยป้องกันอันตรายในหลาย ๆ ด้าน แต่ก็ควรจะต้องมีกิจกรรมภายในบ้านที่ทำให้น้องแมวได้ออกกำลังกายและไม่รู้สึกเบื่อหน่าย ทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายในอนาคต

6.สร้างความสัมพันธ์ที่ดี

เมื่อคุณรับแมวมาเลี้ยงประมาณ 3-5 วันแล้ว ให้คุณค่อย ๆ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับแมวไปเรื่อย ๆ ด้วยการให้ขนม, การลูบหัว, การแปรงขน และร่วมเล่นไปกับน้องแมว เพื่อทำให้แมวของคุณรู้สึกไว้วางใจมากขึ้น

สำหรับผู้ที่กำลังพิจารณาจะรับแมวมาเลี้ยงและเป็นมือใหม่ที่ยังไม่เคยผ่านการเลี้ยงแมวมาก่อน คุณควรรู้ทั้ง 6 เรื่องนี้ พร้อมไปด้วยการเตรียมของเกี่ยวกับแมวให้พร้อม ที่สำคัญคือคุณจะต้องรักและดูแล พร้อมให้อภัย ใจเย็นมากที่สุด เพื่อทำให้คุณและแมวสามารถอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

ที่คนค้นหาเกี่ยวกับเนื้อหานี้ :

รีวิว โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขา พระราม 5

โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขา พระราม 5

โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขา พระราม 5 นั้น ก่อตั้งมานาน เป็นที่น่าเชื่อถือ และยังเป็นโรงพยาบาลสัตว์แห่งแรกที่เปิดไห้บริการตลอด 24 ชั่วโมง และ เนื่องจากทางโรงพยาบาล มีนโยบายในการรักษาสัตว์เลี้ยง ด้วยความเข้าอกเข้าใจคนรักสัตว์เป็นหลัก จึงทำให้เกิดการบอกต่อ และเป็นที่รู้จักอย่างเเพร่หลาย ของคนทั่วไปนั่นเอง


สถาน ที่ตั้ง เเละช่องทางติดต่อ 

สนใจไปรับบริการที่ โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขา พระราม 5   สามารถไปที่ สถานที่ตั้ง ตามนี้ได้เลย เดินทางสะดวก เเละพื้นที่กว้างขวาง

31/7 ถนนนครอินทร์ ตำบลบางขุนกอง
อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130

เบอร์โทร ติดต่อ : +662-079-9990
E-mail : info@thonglorpet.com


ทำไมถึงเลือกใช้บริการที่ โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขา พระราม 5

เนื่องจากปัจจุบัน มีโรงพยาบาลแมวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลใหญ่หรือคลินิกรักษาแมว แต่สาเหตุที่เข้าไปใช้บริการจาก โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขา พระราม 5  นั้น มีหลายปัจจัยอย่างเช่น

    1. เปิดบริการ 24 ชั่วโมง เราจึงมั่นใจได้ว่า เมื่อแมวของเราป่วย เราสามารถที่จะส่งไปรักษาได้ทันที ไม่ต้องรอเวลา เพราะอาจจะเสียโอกาสและทำให้แมวของเราอาการหนักมากกว่าเดิม
    2. โรงพยาบาลสะอาด และได้มาตรฐาน ซึ่งเรามั่นใจได้เลยว่า การนำแมวของเรา เข้าไปรับการรักษาจะสะอาดและปลอดเชื้อแน่นอน
    3. ทีมสัตวแพทย์ของโรงพยาบาล มีความชำนาญเฉพาะทาง ซึ่งเราสามารถมั่นใจได้เลยว่าการรักษาแมวของเรานั้น จะได้รับการรักษาจากผู้เชี่ยวชาญโดยตรง
    4. โรงพยาบาลได้รับมาตรฐานสากล ตามระบบ ISO และยังมีรางวัลการันตีต่างๆ อีกมากมาย ซึ่งทำให้มั่นใจได้เลยว่าโรงพยาบาลนั้น ได้คุณภาพตามมาตรฐานสากลเเน่นอน
    5. การรักษาของโรงพยาบาลนั้น เน้นการรักษาด้วยการใส่ใจ เข้าใจหัวอกของคนรักแมว ซึ่งทำให้การเข้าไปรักษาแมวทุกครั้ง ได้รับความสบายใจ และประทับใจอย่างมาก

ศูนย์ รักษา – บริการ โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขา พระราม 5

หากต้องการหา โรงพยาบาลเพื่อรักษาแมว โปรดของท่าน หากท่านอยู่เเถว พระราม 5  สามารถเข้าไปรับบริการ ขอแนะนำ โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขานี้ได้เลย จากประสบการณ์โดยตรง จากผู้เข้าไปรับบริการ มั่นใจได้เลยว่า ท่านจะประทับใจ ในบริการ และ มาตฐานของ โรงพยาบาล อย่างเช่นเรา อย่างแแน่นอน

ที่คนค้นหาเกี่ยวกับเนื้อหานี้ :

รวมวิธีดูแลแมว เป็นโรคผิวหนังเรื้อรัง พร้อมอาหารแนะนำ

แมวเป็นโรคผิวหนังเรื้อรังต้องดูแลอย่างไร ให้อาหารแบบไหนจึงจะเหมาะสม

โรคผิวหนังที่เกิดขึ้นในแมวมีด้วยกันหลากหลายสาเหตุ เพราะเชื้อที่ติดอยู่บนผิวหนังจะมีทั้งเชื้อรา, เชื้อแบคทีเรีย และเชื้อโรคอีกหลายชนิด รวมไปถึงโรคผิวหนังที่เกิดจากปรสิตและอีกหลายปัจจัยที่จะทำให้ผิวหนังของแมวได้รับความเสียหาย แม้จะไม่ใช่โรคร้ายแรงที่จะถึงแก่ชีวิต แต่ก็สร้างความลำบากและความรำคาญให้แมวของคุณได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งถ้าแมวของคุณกำลังเผชิญปัญหาโรคผิวหนังอยู่ สามารถศึกษารายละเอียดของโรคต่อได้จากภายในบทความนี้

สิ่งที่ควรเข้าใจเกี่ยวกับแมวที่เป็นโรคผิวหนัง

การเกิดโรคผิวหนังภายในแมวจะมีด้วยกันหลายประเภท เพราะการติดเชื้อจนกลายมาเป็นการสร้างความเสียหายต่อทั้งขนและผิวหนัง ซึ่งมักจะเกิดกับแมวที่มีสุขภาพผิวไม่ดีหรือแมวที่ใช้ชีวิตนอกบ้าน แล้วเสี่ยงต่อการนำเชื้อต่าง ๆ ติดขนตามมา รวมไปถึงการอยู่อาศัยในพื้นที่ไม่สะอาดและแมวบางแสนพันธุ์ก็อาจมีปัญหาโรคผิวหนังเฉพาะ เนื่องมาจากขนที่ยาวผิดปกติ ทั้งยังบ่งบอกได้ถึงการเป็นโรคอื่น ๆ อีกด้วย ซึ่งโรคผิวหนังที่สามารถพบได้บ่อยภายในแมวจะมีด้วยกัน 4 ประเภท คือ

1.เชื้อรา

ปัญหาเชื้อราบนผิวหนังของแมวจะถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ เชื้อรากลุ่มยีสต์และเชื้อรากลุ่มกลาก ซึ่งเชื้อในกลุ่มยีสต์นั้นจะพบได้บ่อยครั้งที่สุดบนผิวของแมว สามารถเกิดได้ทั้งจากโรคภูมิแพ้ผิวหนัง เมื่อภูมิคุ้มกันร่างกายของแมวลดต่ำลง  ความผิดปกติของการทำงานภายในฮอร์โมน ความผิดปกติจากการติดเชื้อไวรัส  Malassezia pachydermatis และเชื้อ Candida spp จึงทำให้ผิวมีอาการอักเสบ บวมแดง และเป็นสะเก็ด ซึ่งเชื้อตัวนี้จะติดต่อสู่แมวด้วยกันและติดต่อสู่มนุษย์อีกด้วย ส่วนกลุ่มของอาการกลากหรือที่เรียกว่า Ring Worm จะมีลักษณะขึ้นมาเป็นดวง มีสีแดง และทำให้ขนร่วง มีสะเก็ดคล้ายแผลปกคลุมอยู่และสามารถติดสู่คนได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งการรักษานั้นจะต้องใช้ยาทาเฉพาะอย่างต่อเนื่อง จะช่วยทำให้อาการดีขึ้นหรือพาแมวมารับวัคซีนก็จะช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ได้ดี

2.เชื้อแบคทีเรีย

กลุ่มโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย มักจะพบได้มากในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นที่นอน, ภาชนะใส่อาหาร, ของเล่น และของใช้ต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งเชื้อที่พบบ่อยจะมีอยู่ด้วยกันหลายกลุ่ม แต่ที่เด่นที่สุด คือ กลุ่มของเชื้อ Staphylococcus, Coagulase-negative Staphylococci และ Micrococcus เป็นต้น ดังนั้นเมื่อเกิดปัญหาผิวหนังจากเชื้อของกลุ่มแบคทีเรียเหล่านี้ คุณจำเป็นที่จะต้องพาแมวไปพบสัตวแพทย์ เพื่อรับยามาใช้ให้เหมาะสมต่อเชื้อแบคทีเรีย นอกจากนี้ยังสามารถพบเชื้อแบคทีเรียภายในช่องปากของแมวได้อีกด้วย ซึ่งการแสดงอาการนั้นจะแสดงออกในรูปแบบของการคันและการระคายเคือง แมวจะเกาหรือกัดบริเวณที่คันจนเป็นแผลและอาจจะทำให้เกิดปัญหาการติดเชื้อที่รุนแรงมากขึ้น

3.เชื้อจากปรสิต

เชื้อที่มาจากปรสิต คือ เห็บและหมัด แต่สำหรับแมวแล้วมักจะมีปัญหาเรื่องหมัดแมวเป็นหลัก ซึ่งหมัดแมวจะค่อนข้างตัวเล็กและวิ่งเร็ว จึงทำให้การกำจัดเป็นไปได้ยากกว่าหมัดของน้องหมา แต่ไม่ว่าจะเป็นมัดของสัตว์เลี้ยงประเภทใดก็ตาม ต่างก็ทิ้งปัญหาเรื่องอาการคันและอาการของโรคผิวหนัง ที่จะทำให้ขนหลุดร่วงง่าย ซึ่งน้ำลายหมัดจะทำให้ผิวหนังอักเสบ เกิดอาการคัน และทำให้สูญเสียเลือดในแมวมากขึ้น ทั้งยังทำให้แมวเสี่ยงต่อการเป็นโรคพยาธิได้อีกด้วย

4.ภาวะภูมิแพ้

สำหรับแมวที่เป็นภูมิแพ้สามารถเกิดอาการโรคผิวหนังจากภาวะของภูมิแพ้ได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งจะเกิดได้จากหลายปัจจัย  แม้กระทั่งภาชนะที่ใส่อาหารก็อาจก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ต่อแมวได้ด้วยเช่นกัน แต่รูปแบบการเกิดภูมิแพ้ผิวหนังจะมีอาการบวมร่วมด้วย โดยจะคันช่วงบริเวณอุ้งเท้า, รอบตา, รอบปาก, หน้าท้อง, ใต้คาง และรักแร้ เป็นต้น มาพร้อมกับสะเก็ดแผลหรือมีลักษณะคล้ายกับรังแคและมีอาการบวมตามจุดต่าง ๆ ที่คัน ซึ่งถ้ารักษาอย่างถูกจุดก็จะหายเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว

แมวเป็นโรคผิวหนังเกิดจากอะไร?

สำหรับโรคผิวหนังในแมวนั้น มีปัจจัยที่แตกต่างกันออกไปหลายด้าน โดยปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคผิวหนังจะมีดังต่อไปนี้
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่มีความผิดปกติอย่างรวดเร็ว
  • แมวมีภาวะของสุขภาพผิวหนังไม่ดีมาอยู่แล้ว
  • เกิดอาการโรคภูมิแพ้หรือเป็นช่วงที่ภูมิคุ้มกันแมวต่ำลง
  • มีการติดเชื้อแบคทีเรียบางประเภทบนขนและผิวหนัง
  • เจ้าของแมวไม่ค่อยรักษาความสะอาดของพื้นที่อยู่อาศัย แมวจึงติดเชื้อได้ง่าย
  • ติดเชื้อจากสภาพแวดล้อมรอบด้าน เช่น ที่นอน, ของเล่น, ของใช้, เสื้อผ้า และกระบะทราย เป็นต้น
  • การเป็นโรคแทรกซ้อนจากโรคอื่น
  • ติดเชื้อปรสิตจากภายนอกบ้านอย่างหมัดแมว
  • แมวบางสายพันธุ์มีปัญหาเรื่องผิวหนังมาโดยเฉพาะ
  • เกิดปัญหาโรคเรื้อนหรือไรที่ติดต่อมาจากแมวด้วยกัน

อาการของโรคผิวหนังในแมว

อาการของโรคผิวหนังในแมวจะแสดงออกมาคล้ายคลึงกัน คือ อาการคันและเกา แต่ก็มีบางอาการที่แตกต่างกัน ดังนี้
  • มีอาการตื่นตัวตลอดเวลา เพราะรู้สึกคันผิวหนังจนต้องเกาทั้งวัน
  • ปรากฏเป็นจุดสีแดงและมีสะเก็ดคล้ายรังแคอย่างเห็นได้ชัด
  • ขนร่วงเป็นจำนวนมาก
  • อาการของโรคจะแตกต่างกันไปตามแต่ละประเภทของเชื้อที่แมวติดมา ถ้าอาการหนักขึ้นจะมีตุ่มผื่นหรือหนองได้
  • ถ้าเป็นการติดเชื้อจากหมัดแมว จะทำให้แมวลุกขึ้นมาเกาและกัดขนตามส่วนต่าง ๆ ที่มีหมัดแมวอยู่ตลอดเวลา
  • มีอาการเกาที่ใบหูเพราะเกิดจากไรหู
  • ถ้าอาการหนักขึ้นอาจทำให้แมวซึมลงและไม่ยอม กินอาหาร

แมวเป็นโรคผิวหนัง ควรดูแลอย่างไร

ถ้าคุณตรวจพบว่าแมวเป็นโรคผิวหนังจริง การดูแลถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งการดูแลแมวที่มีอาการโรคผิวหนังควรทำดังนี้
  • ทำความสะอาดขนและผิวแมวด้วยการอาบน้ำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
  • เลือกใช้แชมพูหรือน้ำยาอาบน้ำสูตรยา เพื่อฆ่าเชื้อโรคและหมัดแมว
  • หลังการอาบน้ำ ควรรีบเป่าขนให้แห้งทันที เพื่อป้องกันการเกิดเชื้อรา
  • ทำความสะอาดพื้นที่อยู่อาศัยของแมวทุกจุดและลงน้ำยาฆ่าเชื้อเสมอ เพื่อลดการติดเชื้อ
  • ถ้าพาไปพบสัตวแพทย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ควรใช้ทั้งยาทาและยากินให้ตรงตามที่สัตวแพทย์สั่งไว้
  • ควรเลี้ยงแบบระบบปิด ไม่ควรให้แมวออกนอกบ้านเด็ดขาด เพื่อป้องกันการติดเชื้อเพิ่ม

อาหารที่เหมาะสำหรับแมวที่เป็นโรคผิวหนัง เป็นอาหารแบบไหน ให้อาหารอะไรได้บ้าง

อาหารถือว่ามีส่วนสำคัญต่อแมวที่เป็นโรคผิวหนังด้วยเช่นกัน เพราะถ้าได้รับอาหารอย่างถูกต้อง ย่อมทำให้บรรเทาอาการ ของโรคได้ดีและยังช่วยเสริมให้การรักษาเป็นไปอย่างได้ผลดี ซึ่งอาหารที่เหมาะสมสำหรับแมวเป็นโรคผิวหนัง คือ

1.อาหารสูตรเฉพาะ

อาหารสูตรเฉพาะสำหรับแมวเป็นโรคผิวหนัง จะถูกระบุว่าเป็น Skinfood sensitive เพื่อการฟื้นฟูขนและผิวหนังโดยเฉพาะ ทั้งยังเหมาะสำหรับแมวที่มีปัญหาผิวแพ้ง่าย โดยจะเป็นอาหารที่ถูกทำขึ้นมาด้วยโภชนาการที่ถูกต้อง เพิ่มเติมระบบภูมิคุ้มกันภายในร่างกาย ย่อยสลายได้ง่ายและช่วยทำให้ระบบขับถ่ายเป็นอย่างคล่องตัว โดยการเสริมไฟเบอร์และกรดตามธรรมชาติที่เป็นประโยชน์ มีการจำกัดทั้งโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตอย่างเหมาะสม ซึ่งโปรตีนนั้นเลือกใช้เป็นโปรตีน Hidrolite เสริมด้วยวิตามินและหลีกเลี่ยงสารที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้อย่างกลูเตน แลคโตส และโปรตีนถั่วเหลือง รวมไปถึงสารกันบูด ทั้งยังเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ มีให้เลือกทั้งแบบอาหารเม็ดและอาหารเปียก ที่คุณจะสามารถเลือกซื้อได้เหมาะสมต่อความชื่นชอบของน้องแมว

2.อาหารสำหรับแมวเป็นภูมิแพ้

หนึ่งในอาหารที่จะใช้ร่วมกับการรักษาแมวที่เป็นโรคผิวหนัง คือ อาหารลดอาการภูมิแพ้ผิวหนัง โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นอาหารแบบ Organic และมีการจำกัดเรื่องของสารอาหารจำเป็นต่าง ๆ เพิ่มโปรตีนและพลังงานให้กับร่างกาย พร้อมเป็นตัวช่วยลดอาการระคายเคือง เลือกใช้เป็นไฟเบอร์หรือเซลลูโลสจากธรรมชาติ พร้อมไปด้วยวิตามินต่าง ๆ และน้ำมันจากธรรมชาติ เพื่อเสริมให้ภูมิคุ้มกันของร่างกาย สามารถต้านเชื้อต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีอาหารแบบผสมสมุนไพรที่ช่วยทำให้การขับถ่ายของเสียภายในร่างกายแมวได้เป็นอย่างดีเยี่ยม ทั้งยังบำรุงให้ผิวแข็งแรงและขนชุ่มชื้นเงางามอีกด้วย

3.อาหารปรุงเอง

ถ้าคุณเลือกเป็นอาหารปรุงเอง ควรจำกัดเรื่องของโปรตีน, คาร์โบไฮเดรต และสารอาหารอื่น ๆ ให้เหมาะสมต่อแมวของคุณให้มากที่สุด หลีกเลี่ยงการใช้โปรตีนย่อยยากและคาร์โบไฮเดรตที่มากจนเกินไป นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงนม, ไข่ และธัญพืช รวมไปถึงอาหารที่มีทั้งสารแต่งเติมและสีสังเคราะห์ เพราะน้องแมวอาจจะแพ้ได้ทั้งหมด ที่สำคัญคืออาหารเหล่านี้ยังไปกระตุ้นทำให้อาการติดเชื้อผิวหนังรุนแรงมากขึ้นได้อีกด้วย คุณจึงควรเตรียมเป็นเนื้อปลาที่จะช่วยทำให้ย่อยและดูดซึมสารอาหารได้ง่าย ทั้งยังเลือกใช้สารอาหารจากพืชผักที่ช่วยบำรุงขนกับผิวหนังได้เป็นอย่างดี

สิ่งที่ควรป้องกัน เพื่อไม่ให้แมวเป็นโรคผิวหนัง

ถ้าคุณไม่ต้องการให้น้องแมวเสี่ยงเป็นโรคผิวหนัง ที่อาจจะติดต่อไปสู่แมวด้วยกันหรือแม้แต่คนเลี้ยง คุณจึงควรใช้วิธีป้องกันดังต่อไปนี้
  • พาแมวของคุณไปตรวจสุขภาพและตรวจเพาะเชื้อผิวหนังกับสัตวแพทย์เป็นประจำทุกปี
  • ทำความสะอาดที่นอนและพื้นที่อยู่อาศัยของแมวเป็นประจำทุกวัน
  • ของใช้แมวทุกชิ้นควรซักล้างทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้ออยู่เสมอ
  • ใช้แชมพูหรือน้ำยาอาบน้ำสำหรับฆ่าเชื้อราและเชื้อแบคทีเรียในตัวแมวโดยเฉพาะ
  • ถ้าแมวมีหมัดให้ใช้แชมพูหรือน้ำยาสูตรขจัดหมัดแมวโดยเฉพาะ
  • ใช้น้ำยาสูตรสมุนไพรหมักผิวและขนแมวร่วมกับการอาบน้ำทุกครั้ง
  • ควรเลี้ยงแบบระบบปิด เพื่อป้องกันไม่ให้แมวติดเชื้อจากภายนอก
  • ติดตามดูผิวของแมวให้ดี ถ้าเกิดเป็นแผลและมีอาการคัน ควรรีบรักษาทันที
  • เลือกอาหารสูตรเฉพาะที่เหมาะสมสำหรับแมวมีปัญหาผิวบ่อยครั้ง เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาโรคผิวหนังก่อนจะลุกลามมากขึ้น

แม้ว่าแมวเป็นโรคผิวหนังจะไม่ทำให้เสี่ยงอันตรายจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ แต่อาการที่เกิดขึ้นจากโรคผิวหนังจะทำให้การใช้ชีวิตประจำวันมีอุปสรรคและอาจพาให้แมวของคุณติดเชื้อจนมีโรคอื่นแทรกซ้อนขึ้นมาได้ ดังนั้นการดูแลความสะอาดจึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก ถ้าคุณต้องการให้แมวที่รักมีความสุขและอยู่กับคุณไปได้อย่างยาวนาน ไม่ต้องทนกับโรคผิวหนังที่อาจก่อให้เกิดความรำคาญใจและความเครียดต่อแมวได้ คุณควรพาไปพบสัตวแพทย์ ดูแลเรื่องอาหาร การอยู่อาศัย และทำตามที่ภายในบทความนี้ได้บอกไว้ เพื่อทำให้ทั้งคุณและแมวอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข


ที่คนค้นหาเกี่ยวกับเนื้อหานี้ :

วิธีดูแล แมวเป็นโรคนิ่ว และการให้อาหารที่เหมาะสมที่สุด

แมวเป็นโรคนิ่วเกิดจากอะไร ควรดูแลแบบไหน ให้อาหารอะไรเหมาะที่สุด

โรคนิ่วในทางเดินปัสสาวะไม่ได้เกิดเพียงเฉพาะแค่มนุษย์เท่านั้น แต่สามารถเกิดได้ในสัตว์เลี้ยงด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะน้องแมวเพศผู้ที่จะมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคนิ่วได้สูงกว่าแมวเพศเมีย ซึ่งถ้าไม่ได้รับการ รักษาและการดูแลอย่างถูกต้อง อาจทำให้แมวต้องทนทรมานต่ออาการฉี่ไม่ออกและอาการข้างเคียงต่าง ๆ จนอาจเสียชีวิตได้ในที่สุด ดังนั้นถ้าคุณไม่อยากให้แมวสุดที่รักต้องเผชิญกับโรคนี้ ควรดูแลให้ดี เพื่อให้แมวของคุณอยู่สร้างความน่ารักได้ยาวนานมากยิ่งขึ้น

สิ่งที่ควรเข้าใจเกี่ยวกับแมวที่เป็นโรคนิ่ว

โรคนิ่วในแมวจะมีความคล้ายคลึงกับโรคนิ่วของมนุษย์ คือ จะเกิดตรงช่วงทางเดินปัสสาวะ จึงทำให้เกิดอาการอย่างเห็นได้ชัดจากการที่แมวไม่ค่อยฉี่หรืออาจจะไม่ฉี่เลยทั้งวัน เกิดเป็นความรู้สึกทรมานจนไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ซึ่งนิ่วนั้นจะถูกแบ่งออกตามสภาวะและปัจจัยต่าง ๆ ที่แตกต่างกัน เช่น ความเข้มข้นของแร่ธาตุ, การเกิดผลึก เกลือจากการตกค้างที่ทางเดินปัสสาวะ, มีระดับของกรดและด่างที่ทำให้การตกผลึกเป็นไปอย่างง่ายดาย, กลไกของร่างกายทำงานผิดปกติ จึงทำให้เกิดการตกผลึกเกลือที่มากขึ้น และมีปัจจัยอีกหลากหลายที่สัตวแพทย์ยังไม่สามารถวินิจฉัยได้อย่างแน่ชัด เพราะอาจจะเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่เร่งปฏิกิริยาให้เกลือมีความเข้มข้นภายในปัสสาวะสูง จนนำมาสู่การเป็นนิ่วได้ด้วยเช่นกัน

แต่ในปัจจุบันทางสัตวแพทย์ได้มีการแบ่งนิ่วออกตามแร่ธาตุ เพื่อการวินิจฉัยโรคอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยมีถึง 8 ชนิดด้วยกัน คือ

  • แมกนีเซียมแอมโมเนียมฟอสเฟต (struvite) หรือ MAP
  • แคลเซียมฟอสเฟต (CaPo)
  • แคลเซียมออกซาเลต (CaOx)
  • Urate
  • Silica
  • Mixed
  • Compound
  • Cystine

แร่ธาตุที่มักจะถูกพบภายในปัสสาวะของแมวที่เป็นโรคนิ่ว จะมีเพียงแค่ 2 ชนิด คือ MAP และ CaOx ที่เมื่อเป็นแล้วก็อาจจะมีอัตราของการกลับมาเป็นซ้ำอีกครั้งได้สูงเลยทีเดียว คุณจึงควรรู้รายละเอียดของนิ่วทั้ง 2 ชนิดนี้ให้มากขึ้น

1.แมกนีเซียมแอมโมเนียมฟอสเฟต

แมกนีเซียมแอมโมเนียมฟอสเฟต (struvite) หรือ MAP เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิดที่ทำให้ทางเดินปัสสาวะเกิดนิ่วที่มีผิวเรียบและมักจะขึ้นมาหลายก้อน แล้วขวางทางเดินของระบบปัสสาวะ โดยจะมีรูปร่างที่คล้ายกับก้อนหินหรือก้อนกรวด สำหรับการรักษาสามารถให้เป็นยาปฏิชีวนะเพื่อการขจัดก้อนนิ่วและช่วยลดโอกาสที่นิ่วจะกลับมาอีกครั้ง

2.แคลเซียมออกซาเลต

แคลเซียมออกซาเลต หรือ CaOx จะพบได้มากในแมวเพศผู้ โดยเฉพาะแมวที่มีอายุช่วงกลางไปจนถึงแมวอายุมาก เกิดจากปัจจัยในเรื่องของร่างกายมีการผลิตเมตาบอลิซึมที่มากผิดปกติและอาหารที่กินมีแคลเซียมสูงมากจนเกินไป ซึ่งอาหารที่แมวเป็นโรคนิ่วประเภทแคลเซียมออกซาเลตต้องหลีกเลี่ยง คือ นม, งาดำ, กุ้งแห้ง, เต้าหู้, ถั่วเหลือง, บล็อกโคลี่, แอปเปิ้ล, ส้ม และกล้วย เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถพบได้จากการเป็นโรคแทรกซ้อนของโรคมะเร็งบางประเภท โดยลักษณะของก้อนนิ่วจะมีผิวที่ขรุขระและมีความหนาจนทึบ ซึ่งความน่ากลัวของนิ่วชนิดนี้ คือ จะไม่สามารถสลายออกได้ ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องป้องกันในเรื่องของอาหารที่มีความเหมาะสมและการดูแลอย่างใกล้ชิดเท่านั้น แต่ถ้าอาการรุนแรงอาจจะต้องมีการผ่าตัดเพื่อนำนิ่วออกทันที

แมวเป็นโรคนิ่วเกิดจากอะไร?

แมวถือว่าเป็นสัตว์ที่รักความเป็นส่วนตัวสูง ดังนั้นปัจจัยเพียงแค่เล็กน้อยก็อาจพาให้เกิดเป็นโรคนิ่วในแมวได้ เช่น

  • ความเป็นกรด-ด่างภายในปัสสาวะที่มีมากเกินไป
  • การดื่มน้ำระหว่างวันน้อยมากเกินไปหรือมีนิสัยไม่ชอบดื่มน้ำ
  • การติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิดที่ระบบปัสสาวะ
  • การเกิดโรคบางประเภทอย่างไทรอยด์หรือโรคมะเร็ง ที่ทำให้เกิดโรคนิ่วแทรกซ้อนได้
  • ความเครียดจากสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย
  • ความเครียดจากการมีสมาชิกใหม่เข้ามาภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นแมวด้วยกันหรือคนแปลกหน้าก็ตาม
  • กระบะทรายมีไม่เพียงพอหรือไม่สะอาด จึงทำให้แมวยอมอั้นไว้มากกว่าที่จะยอมเข้ากับกระบะทราย
  • การกินอาหารเม็ดที่มีความเข้มข้นของสารอาหารบางประเภทสูงเกินไป
  • แมวที่มีน้ำหนักเกินกว่าเกณฑ์ปกติ
  • แมวอายุมากที่ไม่ค่อยชอบขยับตัว

แม้ว่าแมวภายในบ้านจะมีโอกาสเป็นโรคนิ่วทางเดินปัสสาวะสูงกว่าแมวที่เลี้ยงแบบอิสระหรือแมวที่อยู่นอกบ้าน เพราะแมวภายในบ้านจะไม่ค่อยเคลื่อนไหวตัวเองก็ตาม แต่ใช่ว่าการเลี้ยงแบบปล่อยนอกบ้านจะเป็นคำตอบที่ถูกต้อง เพราะเสี่ยงต่อการเป็นโรคนิ่วจากการติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิดได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงควรหากิจกรรมต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นให้แมวได้ออกกำลังกายอยู่เสมอแทนได้เช่นกัน

อาการของโรคนิ่วในแมว

อาการโรคนิ่วในแมวจะแสดงผลออกมาให้เห็นชัดเจนในหลากหลายพฤติกรรม ดังนั้นเพียงแค่เจ้าของสังเกตอาการและอารมณ์ของแมวที่เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเรื่องการขับถ่ายหรือการทำพฤติกรรมที่ผิดเพี้ยนไปจากเดิมก็จะรู้ได้ทันที แต่ถ้าพบอาการเหล่านี้คุณไม่ควรนิ่งนอนใจและควรพาพบแพทย์ทันที คือ

  • มีความพยายามเบ่งปัสสาวะทุกครั้งที่เข้ากระบะทราย
  • ปัสสาวะออกมาน้อยมากและอาจมีเลือดปน
  • มีอาการไม่สบายตัวและหงุดหงิดง่ายมากขึ้นเรื่อย ๆ
  • ปัสสาวะออกมาเพียงแค่เป็นหยดน้ำ
  • มีอาการซึมและเบื่ออาหารอย่างเห็นได้ชัด
  • มีอาการอาเจียนบ่อยครั้ง
  • มีอาการกระวนกระวายหรือก้าวร้าวผิดปกติ ซึ่งเป็นการแสดงออกให้เห็นถึงความเครียดที่สูงขึ้น

แมวเป็นโรคนิ่ว ควรดูแลอย่างไร

ถ้าคุณพาน้องแมวไปตรวจกับสัตวแพทย์และพบว่าเป็นโรคนิ่ว คุณควรทำตามขั้นตอนของการดูแลดังนี้

  • ถ้าเป็นการรักษาทางการให้ยา ควรให้ยาตามเวลาที่สัตวแพทย์สั่งครบทุกมื้อ
  • ถ้าเป็นการรักษาด้วยการผ่าตัด คุณต้องล้างแผลให้ดีและระมัดระวังแผลติดเชื้อ
  • ทำความสะอาดพื้นที่อยู่อาศัยของแมว ที่นอน และกระบะทรายให้เรียบร้อยทุกวัน
  • แยกแมวที่ป่วยออกจากแมวตัวอื่น เพื่อลดความตึงเครียดและแมวจะกล้าเข้ากระบะทรายมากขึ้น
  • ให้อาหารสูตรเฉพาะสำหรับรักษาโรคนิ่วในแมว
  • ถ้าเป็นการรักษาด้วยวิธีผ่าตัด ควรงดให้แมวออกกำลัง
  • การผ่าตัดจะมีการใส่ท่อสวนปัสสาวะแบบชั่วคราว ดังนั้นเจ้าของจึงต้องระมัดระวังไม่ให้ท่อฉี่เสียหายและต้องทำความสะอาดอยู่เสมอ
  • จัดอาหารและน้ำดื่มให้มีความสะอาดเสมอ
  • ปรับเปลี่ยนจากอาหารเม็ดสู่อาหารเปียกสูตรเฉพาะที่มีค่า pH พอเหมาะ
  • ถ้าเป็นนิ่วแบบ Silicate Stone ต้องเลือกเป็นอาหารสูตรเฉพาะ ที่ไม่มีส่วนผสมของสาร Silicate
  • อาหารสำหรับแมวเป็นโรคนิ่วทุกประเภท ควรเลือกเป็นสูตรเฉพาะที่ค่า pH ในปัสสาวะไม่สูงเกินกว่า 7.5 เปอร์เซ็นต์

อาหารที่เหมาะสำหรับแมวที่เป็นโรคนิ่ว เป็นอาหารแบบไหน ให้อาหารอะไรได้บ้าง

สำหรับแมวเป็นโรคนิ่วจำเป็นอย่างมากที่จะต้องได้รับอาหารอย่างถูกต้อง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วยังคงสามารถรับประทานอาหารเม็ดได้ตามปกติ แต่จะต้องเป็นสูตรเฉพาะและมีความนิ่ม ย่อยง่าย ดังนั้นอาหารที่จะเหมาะสำหรับแมวเป็นโรคนิ่วจะมีดังต่อไปนี้

1.อาหารสูตรสลายนิ่ว

อาหารแมวสูตรสลายนิ่วจะมีขายหลากหลายประเภทด้วยกัน ดังนั้นคุณจึงควรต้องรู้ก่อนว่าแมวของคุณเป็นนิ่วประเภทใด  เพื่อซื้อสูตรอาหารที่เหมาะสม โดยจะมีทั้งอาหารเปียกและอาหารเม็ด ซึ่งจะเป็นสูตรเฉพาะที่ช่วยปรับให้ฉี่ของแมวมีค่า pH ที่เหมาะสมหรือมีความเป็นกรด-ด่างที่น้อยลงกว่าเดิม จึงช่วยทำให้ผลึกของนิ่วละลายได้ง่ายมากขึ้น พร้อมไปด้วยการใส่สารอาหารเสริมเพื่อฟื้นฟูอวัยวะภายในของแมวให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

2.อาหารสูตรฟื้นบำรุง

อาหารสูตรฟื้นฟูทางเดินปัสสาวะของแมวและช่วยเสริมให้อวัยวะส่วนอื่นกลับมาทำงานได้อย่างแข็งแรง จะมีทั้งแบบสูตรอาหารเม็ดและอาหารเปียกเช่นเดียวกัน โดยสูตรนี้แมวที่เป็นโรคนิ่วทุกประเภทสามารถรับประทานได้ เพราะจะถูกควบคุมให้มีค่า pH ภายในฉี่ของแมวเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น พร้อมการควบคุมปริมาณของแคลเซียม, แมกนีเซียม และฟอสฟอรัส รวมไปถึงโปรตีนให้มีความเหมาะสมต่อแมวที่เป็นโรคนิ่ว เพื่อทำให้ก้อนนิ่วที่ถูกสลายจะไม่กลับมาใหม่อีกครั้ง

3.อาหารสูตรป้องกันนิ่วเกิดใหม่

อาหารแมวประเภทป้องกันการเกิดนิ่วซ้ำภายในทางเดินปัสสาวะของแมว จะเป็นอาหารแบบรักษาควบคู่ไปกับอาหารสลายนิ่ว ซึ่งอาหารประเภทนี้จะถูกจำกัดทั้งแคลเซียมและสารอาหารอื่นที่อาจจะก่อให้เกิดการตกผลึกของนิ่วอีกครั้ง จึงควรรับประทานอย่างต่อเนื่องไปจนกว่าการรักษาจะเสร็จสิ้น จะช่วยกำจัดและไม่ทำให้สารใดตกค้างอยู่บนทางเดินปัสสาวะ จึงไม่ทำให้นิ่วกลับมากวนใจอีกครั้งอย่างแน่นอน

อาหารเปียกสูตรเฉพาะสำหรับแมวเป็นโรคนิ่วจะได้รับความนิยมสูง สัตวแพทย์จะแนะนำสูตรอาการเปียกเป็นส่วนใหญ่ เพราะนอกจากจะให้การรับประทานที่ง่ายมากกว่าอาหารเม็ดแล้ว ยังมีสัดส่วนของน้ำที่สูงกว่าอาหารเม็ด จึงช่วยกระตุ้นให้แมวขับถ่ายของเสียผ่านปีสสาวะได้บ่อยมากขึ้น ทั้งยังย่อยสลายและซึมซาบเข้าสู่อวัยวะภายในได้ง่ายอีกด้วย

สิ่งที่ควรป้องกัน เพื่อไม่ให้แมวเป็นโรคนิ่ว

ถ้าคุณไม่อยากให้น้องแมวแสนรักของคุณต้องเผชิญกับโรคนิ่วที่อาจจะต้องถึงขั้นผ่าตัด คุณควรดูแลน้องแมวให้ดีด้วยวิธีดังต่อไปนี้

  • การให้อาหารในแต่ละวันควรแบ่งออกเป็นมื้อย่อย หลายมื้อ และให้ครั้งละพอเหมาะเท่านั้น
  • ทำความสะอาดจุดให้น้ำดื่มและที่อยู่อาศัยของแมวบ่อยครั้ง
  • ตั้งจุดน้ำดื่มไว้หลายแห่ง เพื่อกระตุ้นให้แมวรู้สึกอยากกินน้ำมากขึ้น
  • ถ้าแมวไม่ยอมกินน้ำด้วยตัวเอง ให้ดูดใส่ไซริงค์แล้วป้อนตลอดทั้งวัน เพื่อเป็นการสร้างนิสัยให้แมวเคยชินต่อการกินน้ำมากขึ้น
  • ถ้าเลี้ยงแมวหลายตัวควรเพิ่มกระบะทรายให้มากขึ้น เพื่อให้เพียงพอต่อการใช้งาน
  • นำกระบะทรายไปตั้งอยู่ในจุดที่ลับสายตาคน เป็นมุมสงบที่จะทำให้น้องแมวกล้าเข้ากระบะทรายมากขึ้น
  • เมื่อมีการขับถ่ายแล้ว ควรทำความสะอาดและเปลี่ยนทรายบ่อยครั้ง เพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย
  • การเปลี่ยนแปลงใด ๆ ก็ตามรอบตัวแมว ควรทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อป้องกันความเครียดพุ่งสูงอย่างรวดเร็ว
  • ถ้าแมวไม่ถูกกันควรแยกออกให้อยู่กันคนละที่ เพื่อไม่ให้เกิดความเครียด
  • เลือกอาหารที่มีปริมาณสารอาหารอย่างเหมาะสม
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีโซเดียม แคลเซียม และสารอาหารอื่น ๆ ที่มากจนเกินไป

แม้ว่าโรคนิ่วจะเป็นอีกหนึ่งโรคน่ากลัวของน้องแมว แต่ถ้าคุณดูแลและป้องกันให้ดี พร้อมใส่ใจต่อการกินอาหาร การอยู่อาศัย และการทำความสะอาด ย่อมทำให้แมวของคุณมีอายุยืนยาวมากขึ้นอย่างแน่นอน แต่ถ้าน้องแมวของคุณเป็นโรคนิ่วแล้ว ก็ควรดูแลรักษาให้ดีเพื่อยืดอายุให้น้องแมวอยู่อย่างสนุกและมีความสุขไปกับคุณได้ยาวนานกว่าเดิม

ที่คนค้นหาเกี่ยวกับเนื้อหานี้ :

5 เรื่องไม่ควรทำ ก่อนโดนเจ้านายแจกยันต์

5 เรื่องไม่ควรทำ ก่อนโดนเจ้านายแจกยันต์

แม้ว่าแมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่ค่อนข้างเอาใจยาก แต่ใครหลาย ๆ คนก็รู้สึกหลงรัก ทั้งยังทำให้คนเลี้ยงเจ็บตัวได้ง่ายจากการแจกยันต์หรือการข่วนของน้องแมว ที่คนเลี้ยงส่วนใหญ่มักจะพบกันได้บ่อยครั้ง ดังนั้นถ้าคุณไม่อยากโดนแจกยันต์แบบหนัก ๆ จากน้องแมวที่เลี้ยงอยู่ ลองมาดู 5 เรื่องไม่ควรทำ ดังนี้

1.ถ้ามีสัญญาณเตือนต้องไม่ยุ่ง

ถ้ามีสัญญาณเตือนจากน้องแมวว่ากำลังอารมณ์ไม่ดี คุณไม่ควรเข้าไปยุ่งเด็ดขาด หรือไม่ควรเข้าไปเซ้าซี้ เพราะจะยิ่งเพิ่มความเครียดให้กับแมวมากขึ้น ซึ่งสัญญาณเหล่านั้น คือ การตวัดหางตีพื้นขึ้น-ลง, การขู่เบา ๆ ในลำคอ, การทำเสียงฟ่อออกมาอย่างชัดเจน, หูทั้งสองข้างลดระดับลง, การถอยเข้ามุม หรือการพองขน เป็นต้น ซึ่งถ้าคุณเจออาการเหล่านี้ควรปล่อยให้แมวอยู่ตัวเดียว เพื่อปรับสภาพอารมณ์ด้วยตัวเองไปก่อน เมื่ออารมณ์ของแมวดีขึ้น จึงค่อยกลับไปเล่นหรือลูบหัวอีกครั้ง

2.ไม่เข้าไปแยกเอง เมื่อแมวทะเลาะกัน

เมื่อไหร่ที่แมวในบ้านหรือแมวนอกบ้านทะเลาะกัน จนอาจถึงขั้นเข้ากัดกันอย่างรุนแรง คุณไม่ควรเข้าไปแยกเองเด็ดขาด ไม่ควรถือไม้เข้าไปตีหรือเข้าไปใกล้ เพราะการกัดกันในขณะที่ทะเลาะอาจจะทำให้คุณได้รับบาดเจ็บไปด้วย ที่สำคัญคือการตีแมวอาจจะทำให้แมวบาดเจ็บได้ ดังนั้นถ้าคุณเห็นแมวเริ่มขู่ใส่กัน ควรรีบหาลังกระดาษขนาดใหญ่หรือฉากกั้นค่อย ๆ นำไปกั้นระหว่างแมว 2 ตัว จึงจะช่วยทำให้บรรยากาศดีขึ้นและเลิกทะเลาะกันในที่สุด นอกจากนี้ยังสามารถใช้วิธีการทำเสียงดัง เพื่อให้แมวรู้สึกตกใจแล้วแยกออกจากกัน จากนั้นให้ต้อนทั้ง 2 ตัวไปอยู่ตัวละมุม พร้อมนำแมวตัวที่อาจจะสู้ไม่ได้แยกออกไปอยู่ในจุดที่ปลอดภัยก่อน เพื่อลดการเผชิญหน้ากัน

3.จับผิดจุด

จุดสำคัญของแมวที่ถือว่าเป็นจุดหวงแหนมาก ไม่ควรไปแตะต้อง คือ ช่วงท้อง, ช่วงกลางหลังไปถึงโคนหาง, ช่วงขาหน้าและขาหลัง ดังนั้นถ้าคุณยังไม่สนิทกับแมวมากพอ ไม่ควรจับจุดสำคัญเหล่านี้เด็ดขาด เพราะจับผิดจุดเมื่อไหร่ รับรองว่าโดนแจกยันต์แน่นอน

4.อย่าดึงหาง

จุดสำคัญมาก ๆ ของแมวอีก 1 จุด คือ “หาง” ดังนั้นอย่าคิดว่าเป็นเรื่องสนุกที่จะดึงหางแมวเล่น เพราะนอกจากดึงแล้วจะได้แผลจากการข่วนกลับมาแล้ว ยังอาจทำให้แมวต้องได้รับบาดเจ็บจนถึงขั้นกระดูกสันหลังมีปัญหาและอาจพิการได้เลยทีเดียว

5.ไม่เข้าใกล้เมื่อแมวร้องกรี๊ด

เมื่อใดที่แมวเริ่มส่งเสียงร้องกรี๊ดที่จะเป็นเสียงเล็กแหลมออกมาแบบแปลก ๆ ให้คุณรีบหยุดการเล่นแล้วเดินออกจากแมวทันที เพราะเสียงร้องกรี๊ดเป็นการแสดงให้เห็นว่าแมวกำลังรู้สึกไม่ปลอดภัย รู้สึกถึงการถูกคุกคาม และพร้อมจะสู้เพื่อหนีได้ทุกเมื่อ

ถ้าคุณไม่อยากต้องเจ็บตัวไปกับน้องแมว ที่ไม่ว่าจะเป็นแมวของตัวเอง, แมวของคนอื่น หรือแมวจร ไม่ควรทำ 5 เรื่องนี้เด็ดขาด เพื่อจะได้ไม่ต้องเจ็บตัวแบบฟรี ๆ

ที่คนค้นหาเกี่ยวกับเนื้อหานี้ :

5 วิธีแก้ร้อนให้น้องแมวเหมียว

ร้อนแล้วต้องระวัง! มาดู 5 วิธีแก้ร้อนให้น้องแมวเหมียว

อากาศร้อนถือว่าเป็นศัตรูกับสัตว์ทุกสายพันธุ์ หนึ่งในนั้นคือน้องแมวที่ไม่ค่อยถูกโรคกับความร้อนมากนัก ซึ่งหน้าร้อนนี้ เจ้าของน้องแมวทั้งหลาย จึงควรระมัดระวังเรื่องการดูแลสุขภาพให้ดี ไม่เช่นนั้นอาจเกิดปัญหาและกลายเป็นการเสียชีวิตอย่างรวดเร็วของน้องแมวได้ ดังนั้นลองมาดูมาดูวิธีแก้ร้อนให้เจ้านายสุดที่รักของคุณ ดังนี้

1.ให้น้ำเย็นสดชื่น

ควรตั้งจุดให้น้ำเพิ่ม โดยกระจายไปทั่วบ้านพร้อมการใส่น้ำแข็งก้อนเล็กไว้ตามจุดให้น้ำต่าง ๆ เพื่อทำให้น้ำมีความเย็นที่จะช่วยสร้างความสดชื่นให้กับน้องแมวได้มากยิ่งขึ้น

2.เพิ่มพัดลมให้เหมียว

ถ้าคุณไม่สะดวกต่อการเปิดแอร์ในช่วงเวลาที่ไม่อยู่บ้าน ควรเพิ่มพัดลมให้กับน้องแมว แต่เน้นให้ใช้เป็นพัดลมที่มีคุณภาพและควรตรวจสอบพัดลมกับปลั๊กไฟอยู่เสมอ เพื่อป้องกันปัญหาไฟลุกไหม้พัดลมในขณะไม่อยู่บ้าน แต่ถ้าบ้านของคุณมีการใช้ระบบ Smart Home คุณจะสามารถควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ผ่านทางสมาร์ทโฟนได้ ดังนั้นคุณจึงเปิดและปิดหรือตั้งเวลาแอร์ได้ตามที่ต้องการ

3.อาบน้ำ-ตัดขนให้เรียบร้อย

การอาบน้ำควรเพิ่มเป็นสัปดาห์ละ 1 ครั้งหรือ 2 สัปดาห์ครั้ง นอกจากนี้ควรตัดขนให้สั้นมากที่สุด เพื่อทำให้แมวรู้สึกสบายตัวมากขึ้น ทั้งยังช่วยทำให้ขนของน้องแมวและผิวหนังมีความสะอาด ช้วยทำให้ขนที่ขึ้นใหม่มีสุขภาพที่แข็งแรงและเงางามมากขึ้นอีกด้วย

4.ปิดผ้าม่านให้ดี

ถ้าคุณไม่อยู่บ้านควรปิดผ้าม่านทั้งบริเวณประตูหน้าบ้านและหน้าต่าง เพื่อเป็นการลดความร้อนจากแสงแดดภายนอกบ้าน เมื่อคุณเปิดพัดลมหรือเปิดแอร์ก็จะช่วยทำให้ความเย็นยังคงอยู่ได้นาน แต่ถ้าคุณมีจุดที่สามารถระบายอากาศได้จะยิ่งดีมาก เพราะการที่ถ่ายเทอากาศจะช่วยทำให้เกิดความโปร่งสบายมากขึ้น

5.ทำความสะอาดพื้นบ้าน

จัดการทำความสะอาดพื้นบ้านและเคลียร์พื้นที่ให้ได้มากที่สุด เพื่อทำให้น้องแมวมีพื้นที่ในการนอนช่วงเวลากลางวัน ยิ่งถ้าบ้านของคุณเป็นพื้นกระเบื้องด้วยแล้ว ควรทำความสะอาดทุกวัน เพื่อให้น้องแมวได้พักผ่อนช่วงกลางวันอย่างเย็นสบายที่สุด

ช่วงหน้าร้อนคุณควรจะต้องดูแลสุขภาพของแมวและสัตว์เลี้ยงประเภทอื่น ๆ ให้ดี เพราะถ้าอากาศร้อนมากเกินไปอาจจะก่อให้เกิดโรคฮีทสโตรกที่จะทำให้สัตว์เลี้ยงเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว หรือถ้าได้รับการรักษาทันก็แทบจะทำให้สมองถูกทำลายและอาจจะกลายเป็นสัตว์พิการได้ ดังนั้นจึงไม่ควรเสี่ยงให้สัตว์เลี้ยงต้องรู้สึกร้อนจนเกิดปัญหา ดังนั้นคุณจึงควรใช้ทั้ง 5 วิธีแก้ร้อนเพื่อทำให้แมวของคุณมีความสุขไปกับหน้าร้อนนี้มากขึ้น

 

ที่คนค้นหาเกี่ยวกับเนื้อหานี้ :

จัดอันดับ 5 อาหารแมว โรคผิวหนัง ที่ดีที่สุดในเวลานี้

แมวเป็นเชื้อรา แมวเป็นโรคผิวหนังรักษาได้ด้วย 5 อาหารแมวสูตรพิเศษ!

โรคผิวหนังหรือเชื้อราในแมว จัดเป็นโรคที่พบได้บ่อย ซึ่งสาเหตุเกิดจากความชื้นที่สะสมตามส่วนต่างๆ ของร่างกายของน้องแมวนั่นเอง ยิ่งแมวที่เป็นพันธุ์ขนยาวด้วยแล้ว ย่อมมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคผิวหนังได้มากกว่าแมวขนสั้น เพราะสามารถสะสมความชื้นได้มากกว่า อีกทั้งโรคเชื้อราในแมวยังสามารถติดต่อจากแมวสู่คนได้ด้วย หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที โดยปกติวิธีรักษาโรคผิวหนังในแมวจะต้องได้รับยาฆ่าเชื้อที่เป็นแบบแชมพูฆ่าเชื้อเฉพาะจุด และอาจต้องกินยาร่วมด้วย เพื่อช่วยให้อาการดีขึ้นรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังต้องมีการปรับเปลี่ยนอาหารที่ให้น้องแมวกินเป็นประจำใหม่ด้วยจะดีที่สุด และวันนี้เราจึงไม่พลาดกับการแนะนำอาหารแมวสำหรับแมวที่เป็นโรคผิวหนังมาฝากกันถึง 5 สูตรดังนี้

>> รวมรายการอาหารแมวสูตรรักษาโรคผิวหนังและภูมิแพ้ในแมว สูตรที่ดีที่สุด คุณภาพดีราคาไม่แพง คลิกที่นี่ได้เลย


1.Royal Canin อาหารแมวสูตร Vet ANALLERGENIC Cat 2 Kg.

เริ่มต้นด้วยแบรนด์อาหารแมวที่หลายคนคุ้นเคย กับ “Royal Canin” ที่มาพร้อมสูตรพิเศษ Vet ANALLERGENIC Cat อาหารแมวสูตรนี้มีคุณสมบัติช่วยในการรักษาภาวะภูมิแพ้อาหารชนิดแห้ง เหมาะสำหรับแมวที่เป็นโรคผิวหนังอักเสบ, โรคลำไส้อักเสบ หรือการเกิดภาวะแพ้อาหาร เป็นต้น โดยอาหารสูตรนี้ใช้กรดอะมิโนเพื่อไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงในการแพ้อาหาร พร้อมช่วยเสริมความแข็งแรงของผิวหนัง และเสริมภูมิคุ้มกันทางธรรมชาติ ลดการสูญเสียน้ำในร่างกายของน้องแมวได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังทำให้สุขภาพผิวหนังของน้องแมวค่อยๆ ดีขึ้นได้อีกด้วย ส่วนข้อห้ามใช้ ไม่เหมาะกับลูกแมว หรือแมวที่กำลังตั้งท้อง และแมวที่กำลังให้นม ราคาอยู่ที่ประมาณ 1,400 บาท

>> สั่งซื้อ Royal Canin อาหารแมวสูตร Vet ANALLERGENIC Cat 2 Kg ของแท้ เชื่อถือได้ คุณภาพดี  คลิก


2.Hill’s Prescription Diet อาหารแมวสูตร Skin/Food Sensitivities z/d Feline (ชนิดแห้ง)

ต่อกันด้วยอาหารแมวจากแบรนด์ Hill’s Prescription Diet ที่ขึ้นชื่อในเรื่องคุณภาพ แถมยังมีหลายแบบให้เลือกสรร สำหรับสูตร Skin/Food Sensitivities z/d Feline ชนิดแห้งนี้ เหมาะสำหรับน้องแมวที่มีปัญหาสุขภาพ ทั้งโรคผิวหนังในแมว, แพ้อาหาร และโรคลำไส้อักเสบ เป็นต้น โดยอาหารสูตรนี้จะช่วยให้ระบบย่อยอาหาร และระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยกำจัดสาเหตุของอาหารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิวหนัง เพราะบางครั้งโรคผิวหนังอาจเกิดจากอาหารที่ทาน หรือความชื้นที่สะสมอยู่ในตัวของแมว นอกจากนี้ ยังช่วยกระตุ้นเซลล์ผิวหนังให้มีความแข็งแรง ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วสตรูไวท์ พร้อมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรงมากขึ้น ราคาอยู่ที่ประมาณ 1,100 บาท

>> สั่งซื้อ Hill’s Prescription Diet อาหารแมวสูตร Skin/Food Sensitivities z/d Feline ชนิดแห้ง สูตรพรีเมี่ยม คุ้มค่าเกินราคา  คลิก


3.Hill’s Prescription Diet อาหารแมวสูตร Skin/Food Sensitivities z/d Feline (ชนิดเปียก)

ยังคงอยู่ที่ Hill’s Prescription Diet กับสูตร Skin/Food Sensitivities z/d Feline ชนิดเปียก แบบกระป๋อง 5.5 oz.เหมาะสำหรับน้องแมวที่เป็นโรคผิวหนัง, แพ้อาหารในแมว หรือโรคลำไส้อักเสบ เป็นต้น สำหรับสูตรนี้จะช่วยในเรื่องของระบบขับถ่ายและระบบย่อยอาหารให้กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมช่วยกำจัดสาเหตุของการเกิดโรคผิวหนังในแมว ทำหน้าที่ช่วยกระตุ้นเซลล์ผิวหนังให้แข็งแรง และช่วยสร้างเสริมภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับน้องแมวได้ด้วย นอกจากนี้ภายในยังมีสารอาหารครบถ้วน ทั้งวิตามินอี, ใยอาหาร, กรดไขมันที่จำเป็นและโปรตีนจากถั่วเหลือง เป็นต้น ราคาอยู่ที่ประมาณ 110 บาท

>> สั่งซื้อ Hill’s Prescription Diet อาหารแมวสูตร Skin/Food Sensitivities z/d Feline (ชนิดเปียก) ราคาถูก สูตรที่ดีที่สุด  คลิก


4.Royal Canin อาหารแมวสูตร Sensivity Control

Royal Canin หนึ่งในแบรนด์ที่หลายคนไว้วางใจ กับสูตร Sensivity Control ชนิดแห้ง 1.5 kg. เหมาะกับน้องแมวที่มีปัญหาสุขภาพ ทั้งโรคผิวหนังในแมว, แพ้อาหาร หรือลำไส้อักเสบ เป็นต้น โดยสูตรนี้ใช้แหล่งโปรตีนจากเป็ด และคาร์โบไฮเดตจากข้าว ช่วยทำให้ง่ายต่อการดูดซึมสารอาหาร ทำให้น้องแมวของคุณได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน สามารถกลับมากินอาหารได้อีกครั้ง อีกทั้งยังช่วยลดโอกาสในการแพ้อาหาร หรือแมวของใครที่มีปัญหาท้องเสียเรื้อรังก็สามารถกินได้เช่นกัน รับรองจะช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด นอกจากนี้ยังได้รับการวินิจฉัยโดย Food elimination trail ราคาอยู่ที่ประมาณ 800 บาท

>> สั่งซื้อ Royal Canin อาหารแมวสูตร Sensivity Control ชนิดแห้ง 1.5 kg. โภชนาการครบถ้วน คุณภาพดี  คลิก


5.Royal Canin อาหารแมวสูตร Hypoallergenic

ปิดท้ายด้วย Royal Canin สูตร Hypoallergenic ชนิดแห้ง 2.5 kg. เหมาะสำหรับแมวที่ป่วยเป็นโรคผิวหนัง, แพ้อาหาร และลำไส้อักเสบ รวมไปถึงท้องเสียเรื้อรัง เป็นต้น สำหรับสูตรนี้จะนำโปรตีนจากถั่วเหลืองมาสกัดให้มีขนาดเล็ก เพื่อช่วยให้ดูดซึมสารอาหารได้ง่าย และลดความเสี่ยงต่อการแพ้อาหาร มั่นใจได้เลยว่าน้องแมวของคุณจะกลับมากินอาหารได้ปกติอีกครั้งแน่นอน อย่างไรก็ตาม เจ้าของควรสังเกตอาการของน้องแมวให้ดี หากเป็นพันธุ์ขนยาว ควรตัดขนให้สั้นเพื่อช่วยลดการอักเสบของผิวหนัง ควบคู่กับการให้กินอาหารที่เหมาะสมตามสูตรที่แนะนำดังกล่าว ราคาอยู่ที่ประมาณ 1,250 บาท

>> สั่งซื้อ Royal Canin อาหารแมว สูตร Hypoallergenic ชนิดแห้ง 2.5 kg.  รักษาโรคผิวหนังที่ดีที่สุด  คลิก


สำหรับน้องแมวของใครที่มีปัญหาโรคผิวหนัง, แพ้อาหารในแมว หรือท้องเสียเรื้อรัง สามารถเลือกกินอาหารตามที่เราแนะนำได้ รับรองจะช่วยให้น้องแมวกลับมากินอาหารได้อีกครั้งแน่นอน และปัญหาสุขภาพต่างๆ ก็จะค่อยๆ ดีขึ้น ลดลงและหายเป็นปกติได้

 

ที่คนค้นหาเกี่ยวกับเนื้อหานี้ :

วิธีดูแล แมวเป็นโรคตับ อย่างถูกวิธีและ อาหารที่เหมาะสม

แมวเป็นโรคตับ ควรกินอาหารอะไรดีที่สุด

แมวเป็นสัตว์เลี้ยงแสนรักของใครหลาย ๆ คน แต่ในการเลี้ยงดูที่เจ้าของแมวหลายรายมองว่าทำได้ดีแล้ว ก็อาจยังซ่อนเร้นโรคภัยที่น่ากลัวภายในตัวแมวอยู่ หนึ่งในนั้นคือโรคตับที่เกิดได้จากทั้งอาหาร, สภาพแวดล้อมที่ถูกเลี้ยงดู และเกิดขึ้นจากความผิดปกติของระบบร่างกายแมวเอง ดังนั้นถ้าคุณไม่อยากให้แมวสุดที่รักต้องเสี่ยงเสียชีวิตด้วยโรคนี้ สามารถติดตามรายละเอียดของโรคและการดูแลได้ภายในบทความนี้

สิ่งที่ควรเข้าใจเกี่ยวกับแมวที่เป็นโรคตับ

ตับมีหน้าที่ในการย่อยอาหารและเปลี่ยนแปลงสารอาหาร ให้เข้าไปช่วยเสริมสุขภาพและร่างกายของแมว ทั้งยังเป็นหนึ่งในจุดกำจัดของเสียออกจากเลือด พร้อมการเป็นอวัยวะที่ช่วยในการสะสมวิตามินกับแร่ธาตุไว้ให้ร่างกายได้ใช้งานอย่างเหมาะสม ทั้งยังมีคุณประโยชน์ในเรื่องของการเสริมให้ภูมิคุ้มกันมีความแข็งแกร่งและทำให้เลือดแข็งตัวเร็วเมื่อเกิด บาดแผล ดังนั้นถ้าตับอักเสบหรือมีความผิดปกติ ย่อมส่งผลถึงความเสื่อมของอวัยวะอื่น ๆ ภายในร่างกายได้ง่ายกว่าปกติเป็นเท่าตัว ดังนั้นการเกิดโรคตับในแมวจึงส่งผลที่ค่อนข้างร้ายแรงพอสมควร ยิ่งถ้าสะสมมาเป็นเวลานาน ไม่ได้รับการรักษาและการดูแลอย่างถูกต้อง ย่อมทำให้อาการทรุดหนักลงและอาจจะเสี่ยงเสียชีวิตได้อย่างรวดเร็ว โดยโรคตับในแมวจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทที่พบได้มากที่สุด คือ

1.การสะสมของไขมันภายในตับ (Hepatic Lipidosis)

ภาวการณ์สะสมไขมันภายในตับที่มีมาก จะเกิดขึ้นกับแมวที่ได้รับอาหารพลังงานสูงจนกลายเป็นภาวะเสี่ยงโรคอ้วน โดยเฉพาะแมวเลี้ยงที่ไม่ค่อยได้วิ่งล่าหรือออกกำลังกาย ซึ่งโรคตับภาวะนี้จะพบได้บ่อยมาก เนื่องมาจากเจ้าของแมวส่วนใหญ่มักจะให้อาหารแมวที่มีโปรตีนสูงและเป็นโปรตีนที่เผาผลาญได้ยาก แต่ทั้งนี้ก็สามารถเกิดกับแมวที่ได้รับอาหารตามปกติแต่โปรตีนกลับไม่เพียงพอได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังพ่วงมาด้วยโรคหัวใจ, เบาหวาน, ตับอ่อนอักเสบ และไตวายเฉียบพลันอีกด้วย

2.ความผิดปกติของการทำงานสมอง (Hepatic Encephalopathy)

ภาวะความผิดปกติทางสมอง เกิดจากมีของเสียจำนวนมากคั่งค้างอยู่ภายในตับ จึงส่งผลไปสู่ระบบสมอง ซึ่งสารพิษที่ไม่ได้ผ่านการกรจากตับจะไหลไปปะปนกับเลือด จึงทำให้เลือดที่ปนสารพิษไหลเวียนไปสู่ระบบประสาท สมองจึงถูกทำลายและแสดงอาการชักเกร็ง, ตาบอดอย่างรวดเร็ว หรือเดินเซและไม่สามารถทรงตัวได้ เป็นต้น

แมวเป็นโรคตับเกิดจากอะไร?

การเกิดโรคตับในแมวมีปัจจัยที่ส่งผลต่อความเสี่ยงหลากหลายปัจจัยด้วยกัน คือ

  • ความอ้วนที่เจ้าของแมวบางรายมองว่าดูน่ารัก แต่กลับส่งผลให้เป็นโรคตับได้ง่ายที่สุด เสี่ยงต่อการเป็น Hepatic Lipidosis หรือภาวะของการสะสมไขมันที่ตับมากเกินความจำเป็น
  • อายุยิ่งมาก ยิ่งแสดงอาการของโรคตับออกมาอย่างชัดเจน โดยเฉพาะสัตว์เลี้ยงที่มีอายุตั้งแต่ 7-10 ปีขึ้นไป จะพบเนื้องอกในตับได้มากกว่าแมวอายุน้อย
  • ความผิดปกติทางพันธุกรรมที่อาจส่งต่อจากรุ่นพ่อ-แม่มาสู่รุ่นลูกได้ง่ายที่สุด
  • สายพันธุ์ของแมวไทยจะเสี่ยงต่อการเป็นโรคตับได้มากกว่าแมวในสายพันธุ์อื่น ๆ
  • การสัมผัสต่อสารเคมีบางชนิดเป็นระยะเวลานานเกินไป จะเกิดการสะสมและส่งผลต่อการทำลายตับ
  • การรับประทานยาเพื่อรักษาโรคหรือยาบำรุงบางประเภท อาจทำให้เกิดการสะสมและทำลายจนตับเสียหายได้เช่นกัน

อาการของโรคตับในแมว

สำหรับเจ้าของแมวที่รู้สึกกังวลใจว่าแมวของคุณจะเสี่ยงต่อการเป็นโรคตับหรือไม่? คุณสามารถสังเกตอาการได้ดังต่อไปนี้

  • มีอาการเบื่ออาหาร แม้แต่อาหารที่เคยชอบกินก็ไม่สามารถกินได้อย่างอร่อยอีกต่อไป
  • น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว
  • กินน้ำมากขึ้นและบ่อยครั้งกว่าเดิม
  • มีอาการอาเจียนร่วมหลังการกินอาหาร
  • ท้องเสียบ่อยครั้ง
  • มีอาการน้ำลายไหลยืดแบบไร้สาเหตุ
  • มีอาการซึม ไม่เล่น ไม่ร่าเริง หลบไปนอนในมุมสงบเพียงตัวเดียว

อาการของโรคตับจะมีความคล้ายคลึงกับโรคอื่นและมักจะไม่ค่อยแสดงอาการที่เจาะจงมากนัก ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือการพาไปพบสัตวแพทย์ เพื่อตรวจค่าตับจากผลเลือดที่จะทำให้การวินิจฉัยมีความแม่นยำ พร้อมการรักษาอย่างถูกต้องทันท่วงที

แมวเป็นโรคตับ ควรดูแลอย่างไร

เมื่อคุณพาน้องแมวไปตรวจกับสัตวแพทย์และพบว่าเป็นโรคตับจริง คุณควรให้การรักษาอย่างต่อเนื่องและดูแลน้องแมวที่เป็นโรคตับตามวิธีนี้

  • ป้อนยาให้ตรงตามเวลาที่สัตวแพทย์สั่ง
  • ถ้าเป็นโรคตับขั้นรุนแรงจนต้องได้รับการผ่าตัด ควรดูแลแผลผ่าตัดของน้องแมวให้ดี เพื่อป้องกันการติดเชื้อและอักเสบ
  • ให้อาหารที่เหมาะสมต่อแมวเป็นโรคตับหรือเป็นอาหารสูตรเฉพาะของแมวที่เป็นโรคนี้ โดยจะมีทั้งแบบ อาหารเม็ดและอาหารเปียกให้เลือก
  • เลี้ยงแมวระบบปิด เพื่อป้องกันการออกไปรับสารพิษหรือเชื้อต่าง ๆ นอกบ้าน
  • แยกพื้นที่ให้แมวป่วยอยู่ในบริเวณที่มีความสะอาดและอากาศถ่ายเทสะดวก
  • การทำความสะอาดบ้านควรปราศจากสารเคมีที่อาจเป็นพิษต่อตับแมวได้
  • จัดพื้นที่นอนและพื้นที่ส่วนตัวให้แมว เพื่อลดความตึงเครียด
  • พาไปพบสัตวแพทย์ตามนัดทุกครั้งอย่างเคร่งครัด

อาหารที่เหมาะสำหรับแมวที่เป็นโรคตับ เป็นอาหารแบบไหน ให้อาหารอะไรได้บ้าง

อาหารคือส่วนสำคัญที่จะเป็นตัวช่วยเสริมสุขภาพให้แมวที่เป็นโรคตับกลับมามีสุขภาพที่ดีขึ้น ดังนั้นลองดูว่ามีอาหารแบบใดบ้างที่เหมาะสมต่อแมวที่เป็นโรคนี้

1.อาหารเปียกสูตรเฉพาะ

อาหารเปียกจะเหมาะสำหรับแมวเป็นโรคตับที่มีอาการปากอักเสบหรือเจ็บปากร่วมด้วย รวมไปถึงแมวที่มีภาวะเริ่มเบื่ออาหารอย่างรุนแรง จะเป็นสูตรเฉพาะที่ลดปริมาณโปรตีนหนักลงและเพิ่มกรดอะมิโนจำเป็นให้กับร่างกาย ทั้งยังส่งผลให้ไขมันแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานภายในร่างกายได้ดีขึ้นกว่าเดิม เพื่อเป็นตัวช่วยลดการทำงานของตับ ทั้งยังมีแอลคาร์นิทีนที่จะเพิ่มเซลล์บำรุงตับให้มากขึ้น  มีการควบคุมปริมาณของสารอาหารที่เหมาะสมต่อร่างกายแมวที่เป็นโรคตับและเพิ่มวิตามินกับแร่ธาตุ ทั้งยังควบคุมปริมาณของทองแดงและเหล็ก พร้อมการป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแอมโมเนียที่อาจเป็นอันตรายต่อทั้งตับและสมองของแมวได้

2.อาหารเม็ดสูตรเฉพาะ

อาหารแมวสูตรเฉพาะสำหรับแมวเป็นโรคตับแบบเม็ด จะมีคุณสมบัติที่คล้ายคลึงกับแบบอาหารเปียกทั้งหมด เพียงแต่ถูกผลิตขึ้นมาสำหรับแมวที่ชอบการกินอาหารเม็ดมากกว่า เม็ดอาหารจะเคี้ยวง่าย ไม่แข็ง จึงไม่จำเป็นต้องนำไปแช่น้ำแต่อย่างใด ทั้งยังเป็นสูตรแบบย่อยง่าย มีโปรตีนจำเป็นแบบอนุภาคเล็ก เพิ่มกรดอะมิโนจำเป็นกับวิตามินและแร่ธาตุที่ดีต่อร่างกาย มีตัวช่วยลดเซลล์ทำลายตับ มีการควบคุมสารอาหารอย่างเหมาะสม เพื่อทำให้การกินอาหารของแมวสร้างประโยชน์ต่อร่างกายได้อย่างสูงสุด

3.อาหารที่ผ่านมาตรฐาน AAFCO

ถ้าอาการโรคตับในแมวของคุณดีขึ้นแล้ว ต้องการปรับเปลี่ยนมาสู่อาหารสูตรปกติ คุณควรเน้นให้อาหารที่ผ่านมาตรฐานสากล AAFCO จากประเทศสหรัฐอเมริกา เพราะอาหารเหล่านี้จะมีการควบคุมปริมาณของคาร์โบไฮเดรต, โปรตีน, วิตามิน, ไฟเบอร์, ไขมัน และแร่ธาตุไว้ให้สมดุลต่อสุขภาพของแมวที่เป็นโรคต่าง ๆ จึงถือว่าเป็นอาหารสำเร็จรูปที่มีความปลอดภัยสูงและผ่านการวิจัยมาเป็นอย่างดี พร้อมให้สารอาหารที่มีความครบถ้วน

4.อาหารโปรตีน

โรคตับเกิดขึ้นจากการมีสารแอมโมเนียที่ถูกเปลี่ยนเป็นยูเรียในเลือดสูง ดังนั้นจึงควรเน้นให้โปรตีนกับไขมันแบบย่อยง่ายต่อแมวที่เป็นโรคตับ เช่น การให้โปรตีนจากนมและไขของวัวที่เป็นแหล่งโปรตีนชั้นดี ลดการเกิดปริมาณของแอมโมเนียภายในระบบเลือดให้น้อยลง พร้อมการหลีกเลี่ยงโปรตีนที่ก่อให้เกิดแอมโมเนียสูงอย่างกุ้ง, เครื่องในสัตว์ทุกประเภท และโฮลวีต เพราะนอกจากจะให้โปรตีนหนักแล้ว ยังมากับทองแดงในปริมาณที่สูงมากเลยทีเดียว

5.อาหารต้านอนุมูลอิสระ

อาหารต้านสารอนุมูลอิสระของสัตว์เลี้ยง คือ อาหารที่ผสมผสานวัตถุดิบที่เป็นตัวช่วยในการต้านสารอนุมูลอิสระและมีฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบ พร้อมให้การบำรุงและฟื้นฟูตับได้เป็นอย่างดี ซึ่งอาหารประเภทนี้จะช่วยเสริมสุขภาพทั้งโรคตับและโรคอื่น ๆ ให้การฟื้นฟูสมองกับระบบภายในของสัตว์เลี้ยง ระบบต่าง ๆ จึงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น  อาหารที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้จะอุดมอยู่ในสารสกัดจากสมุนไพรที่สัตว์เลี้ยงสามารถกินได้ กรดอะมิโนรวม และวิตามินรวม เป็นต้น

สิ่งที่ควรป้องกัน เพื่อไม่ให้แมวเป็นโรคตับ

ถ้าคุณไม่อยากให้น้องแมวแสนรักต้องเสี่ยงต่อการเป็นโรคตับ คุณควรป้องกันและดูแลอย่างถูกต้อง เพื่อทำให้สุขภาพของน้องแมวแข็งแรงและไม่ต้องทุกข์ทรมานไปกับโรคตับด้วยการดูแล ดังนี้

  • ให้อาหารคุณภาพที่ผ่านการตรวจสอบมาตรฐานมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
  • อาหารที่ดีควรมีปริมาณของโปรตีน, คาร์โบไฮเดรต, ไขมัน, วิตามิน และแร่ธาตุต่าง ๆ ที่เหมาะสมต่อร่างกายของแมว ไม่มีสารใดที่สูงมากเกินไป
  • หาของเล่นหรือกิจกรรมให้น้องแมวได้ออกกำลังกายอยู่เสมอ
  • เลี้ยงระบบปิดเพื่อป้องกันการติดเชื้อจากภายนอก
  • ทำความสะอาดที่อยู่ของแมวเป็นประจำ และควรใช้น้ำยาทำความสะอาดที่เป็นสารจากธรรมชาติ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาสารเคมีสะสม
  • พาน้องแมวของคุณไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจค่าตับอยู่เสมอ คอยสังเกตอาการแมวที่คุณเลี้ยงเป็นประจำ ถ้ามีอาการผิดแปลกไปจากเดิมเกินกว่า 3 วัน ควรรีบมาพบแพทย์ทันที

สำหรับผู้ที่เลี้ยงน้องแมวเป็นสัตว์เลี้ยงแสนรักภายในบ้าน เรื่องสำคัญที่คุณควรทำ คือ การพาน้องแมวของคุณไปรับการตรวจสุขภาพเป็นประจำและรับวัคซีนที่จำเป็นต่อแมวให้ครบถ้วน เพื่อป้องกันการเกิดโรคร้ายต่าง ๆ พร้อมไปด้วยการเลี้ยงดูที่มีคุณภาพ เลือกอาหารที่ดีและเหมาะสมต่อแมวแต่ละช่วงวัย เสริมกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะทำให้แมวสามารถออกกำลังกายได้อย่างสนุกสนาน เพื่อช่วยลดความตึงเครียด เพียงเท่านี้น้องแมวของคุณจะอยู่อย่างมีความสุขและไม่ต้องเสี่ยงทุกข์ทรมานไปกับโรคตับและโรคร้ายต่าง ๆ อีกต่อไป


ที่คนค้นหาเกี่ยวกับเนื้อหานี้ :

เผย 4 สาเหตุ ทำไม ไม่อยากกวนเจ้าเหมียว เวลาเค้าหลับ

4 สาเหตุที่ทำให้เราต้องรู้สึกเกรงใจแมวหลับ

เชื่อว่าใครก็ตามที่เป็นทาสแมว ต้องเคยเจอประสบการณ์น้องเหมียวมานอนอยู่บนตักหรือนอนทับแขนของคุณอย่างแน่นอน ที่สำคัญคือการนอนนี้ทำให้คุณรู้สึกเกรงใจจนแทบไม่กล้าขยับตัวอีกด้วย บางคนก็แทบจะกลั้นหายใจเพื่อเปลี่ยนท่ากันเลยทีเดียว จนทำให้เกิดเป็นคำถามของเหล่าผู้เลี้ยงแมวหลายคนว่าทำไมเราถึงต้องรู้สึกเกรงใจเวลาแมวนอนหลับ วันนี้จึงขอนำ 4 เหตุผลขงคนเกรงใจแมวมาตอบคำถามนี้ คือ


1.ความน่ารักเกินต้าน

เวลาแมวหลับมักจะมีท่าทางและหน้าตาที่ค่อนข้างน่ารักเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเหมียวน้อยที่เวลานอนแล้วชอบทำหน้า จิ้มลิ้ม ส่วนแมวบางตัวก็อาจจะนอนด้วยท่าทางสุดน่ารักหรือนอนหงายโชว์พุง พร้อมไปด้วยท่าทางที่ดูตลก จึงทำให้คนคลั่งรักแมวอย่างเรา ๆ อยากจะนั่งมองความน่ารักเกินต้านนี้ไปเรื่อย ๆ จนทำให้รู้สึกเกรงใจน้องแมวที่นอนอยู่อย่างมากเลยทีเดียว

2.หลับดีกว่าตื่นมากวนนะ!

อีกหนึ่งสาเหตุที่มนุษย์อย่างเราเกรงใจน้องแมวที่หลับอยู่ใกล้ ๆ คือ ความกลัวน้องแมวตื่นมาแล้วจะลุกขึ้นมาก่อกวน  โดยเฉพาะแมวเด็ก ถ้าได้หลับแล้วเชื่อว่าเจ้าของจะรู้สึกไม่อยากให้ตื่นเร็วแน่น เพราะเมื่อใดที่ตื่นแล้วจะลุกขึ้นมาวิ่งเล่นซน กัดแทะ และชวนเจ้าของเล่นด้วยแน่นอน! โดยเฉพาะคนที่ต้องทำงานอยู่บ้าน ถ้าแมวหลับแล้วจะรู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก

3.สัมผัสได้ว่าเขาปลอดภัย

มีงานวิจัยออกมาอย่างชัดเจนว่าการที่แมวมานอนข้างเจ้าของหรือมานอนบนตัก รวมไปถึงการนอนหนุนแขนเจ้าของ เป็นเพราะแมวรู้สึกถึงความปลอดภัย ไร้กังวล ความรู้สึกไว้วางใจ ดังนั้นเมื่อแมวหลับอยู่ใกล้ ๆ คุณ จึงไม่น่าแปลกใจที่เจ้าของจะรู้สึกเกรงใจแมวตัวเองเป็นพิเศษ เพราะต้องการให้น้องนอนหลับได้อย่างสบายใจและเต็มอิ่มที่สุดนั่นเอง

4.กลัวน้องเหมียวไม่รัก

สำหรับคนที่เป็นทาสแมวและเป็นคนคลั่งรักรักแมวอย่างมาก เมื่อน้องแมวมานอนใกล้ ๆ ย่อมรู้สึกมีความสุข ดังนั้นการจะขยับตัวไปทำอะไรสักอย่างในขณะที่น้องแมวกำลังหลับอยู่เหมือน เจ้าของแมวจะรู้สึกกลัวว่าแมวอาจจะรู้สึกไม่ดี นอนไม่สบาย และน้องเหมียวอาจจะไม่รักได้! จึงทำให้รู้สึกเกรงใจ ซึ่งบางคนสามารถนั่งท่าเดิมเพื่อให้แมวนอนหลับได้นานเป็นชั่วโมงเลยทีเดียว

ความน่ารักของแมวสามารถละลายใจคนเลี้ยงได้ แม้จะเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีพฤติกรรมค่อนข้างนิ่ง แต่เมื่อได้แสดงออกถึงความน่ารักแล้วก็ทำให้ใครเลยคนใจอ่อนได้ดีเลยทีเดียว ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่เวลาน้องหลับแล้ว จะทำให้เจ้าของแมวหลายคนรู้สึกเกรงใจเป็นอย่างมาก


ที่คนค้นหาเกี่ยวกับเนื้อหานี้ :

รีวิว โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขา ศรีนครินทร์

โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขา ศรีนครินทร์

โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขา ศรีนครินทร์ นั้น ก่อตั้งมานาน เป็นที่น่าเชื่อถือ และยังเป็น โรงพยาบาลสัตว์ แห่งแรกที่เปิดไห้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งอยู่ที่ ถนนศรีนครินทร์ บนอาคารสูง 5 ชั้น สะดวก ในการเดินทาง  และ เนื่องจากทางโรงพยาบาล มีนโยบายในการรักษาสัตว์เลี้ยง ด้วยความเข้าอกเข้าใจคนรักสัตว์เป็นหลัก จึงทำให้เกิดการบอกต่อ และเป็นที่รู้จักอย่างเเพร่หลาย ของคนทั่วไปนั่นเอง


สถาน ที่ตั้ง เเละช่องทางติดต่อ 

สนใจไปรับบริการที่ โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขา ศรีนครินทร์ สามารถไปที่ สถานที่ตั้ง ตามนี้ได้เลย เดินทางสะดวก เเละพื้นที่กว้างขวาง

โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขา ศรีนครินทร์

240 ถนน ศรีนครินทร์ แขวง หนอง บอน
เขต ประเวศ,กรุงเทพมหานคร 10250

เบอร์โทร ติดต่อ : +662-398-4314-5
E-mail : info@thonglorpet.com


ทำไมถึงเลือกใช้บริการที่ โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขา ศรีนครินทร์

เนื่องจากปัจจุบัน มีโรงพยาบาลแมวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลใหญ่หรือคลินิกรักษาแมว แต่สาเหตุที่เข้าไปใช้บริการจาก โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขา ศรีนครินทร์ นั้น มีหลายปัจจัยอย่างเช่น

    1. เปิดบริการ 24 ชั่วโมง เราจึงมั่นใจได้ว่า เมื่อแมวของเราป่วย เราสามารถที่จะส่งไปรักษาได้ทันที ไม่ต้องรอเวลา เพราะอาจจะเสียโอกาสและทำให้แมวของเราอาการหนักมากกว่าเดิม
    2. โรงพยาบาลสะอาด และได้มาตรฐาน ซึ่งเรามั่นใจได้เลยว่า การนำแมวของเรา เข้าไปรับการรักษาจะสะอาดและปลอดเชื้อแน่นอน
    3. ทีมสัตวแพทย์ของโรงพยาบาล มีความชำนาญเฉพาะทาง ซึ่งเราสามารถมั่นใจได้เลยว่าการรักษาแมวของเรานั้น จะได้รับการรักษาจากผู้เชี่ยวชาญโดยตรง
    4. โรงพยาบาลได้รับมาตรฐานสากล ตามระบบ ISO และยังมีรางวัลการันตีต่างๆ อีกมากมาย ซึ่งทำให้มั่นใจได้เลยว่าโรงพยาบาลนั้น ได้คุณภาพตามมาตรฐานสากลเเน่นอน
    5. การรักษาของโรงพยาบาลนั้น เน้นการรักษาด้วยการใส่ใจ เข้าใจหัวอกของคนรักแมว ซึ่งทำให้การเข้าไปรักษาแมวทุกครั้ง ได้รับความสบายใจ และประทับใจอย่างมาก

ศูนย์ รักษา – บริการ โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขา ศรีนครินทร์



หากต้องการหา โรงพยาบาลเพื่อรักษาแมว โปรดของท่าน หากท่านอยู่เเถว ศรีนครินทร์ สามารถเข้าไปรับบริการ ขอแนะนำ โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขานี้ได้เลย จากประสบการณ์โดยตรง จากผู้เข้าไปรับบริการ มั่นใจได้เลยว่า ท่านจะประทับใจ ในบริการ และ มาตฐานของ โรงพยาบาล อย่างเช่นเรา อย่างแแน่นอน

ที่คนค้นหาเกี่ยวกับเนื้อหานี้ :

มาเรียนรู้วิธีรับมือ ก้อนขนในแมว อย่างถูกวิธีกันเถอะ

ปัญหาก้อนขนในแมว เกิดจากอะไร เรียนรู้วิธีกำจัดก้อนขนและการดูแลอย่างถูกต้อง

ก้อนขนแมวที่เกิดจากการเลียทำความสะอาดขนของน้องแมวแล้วกลืนลงสู่กระเพาะอาหาร อาจจะดูเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย แต่ในความเป็นจริง ถ้าก้อนขนเหล่านี้เข้าไปสะสมอยู่ภายในลำไส้เป็นจำนวนมาก จนก่อให้เกิดการอุดตัน ก็อาจทำให้น้องแมวเสียชีวิตได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงถือว่าเป็นอีกหนึ่งปัญหาสุขภาพที่เจ้าของแมวไม่ควรนิ่งนอนใจ

สิ่งที่ควรเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาก้อนขนในแมว

แม้ว่าปัญหาก้อนขนของแมวจะดูไม่ใช่เรื่องใหญ่มากนัก แต่ถ้าก้อนขนเริ่มก่อตัวเพิ่มมากขึ้นภายในลำไส้และไม่ได้รับการขับถ่ายออกตามปกติ จะก่อให้เกิดปัญหาก้อนขนอุดตันในลำไส้และกลายเป็นอาการท้องผูกเรื้อรัง หรืออาจจะพัฒนาไปสู่โรคที่น่ากลัวและทำให้แมวเสียชีวิตได้ในที่สุด ดังนั้นเจ้าของแมวจึงไม่ควรนิ่งนอนใจ ซึ่งปัญหาก้อนขนเกิดจากการที่แมวเลียขนของตัวเองเพื่อทำความสะอาดเป็นประจำทุกวัน จนทำให้ขนหลุดติดลิ้นและกลืนลงสู่กระเพาะอาหาร ถ้าก้อนขนเหล่านี้ได้รับการขับถ่ายตามปกติหรือย่อยสลายได้ก็จะไม่เกิดปัญหาใด ๆ  

แต่ถ้าเมื่อใดก้อนขนเกิดมีจำนวนมากขึ้นและถูกกลืนเข้าไปอย่างต่อเนื่อง การย่อยสลายและการขับถ่ายย่อมมีปัญหา เพราะทำได้ไม่ทันเวลา จึงก่อให้เกิดก้อนขนขนาดใหญ่ที่เข้าไปอุดตันทั้งทางเดินอาหารและลำไส้ ซึ่งแมวบางตัวอาจจะแสดงผลออกมาด้วยการอ้วกก้อนขนก็จะช่วยทำให้ลดความอันตรายลงได้บ้าง แต่ในขณะเดียวกันถ้าแมวไม่อ้วกก้อนขนและไม่ถ่าย ทั้งยังรักความสะอาดมากจนเลียขนตลอดทั้งวัน มีนิสัยที่จะต้องทำความสะอาดตัวเองอยู่เสมอไปเรื่อย ๆ ก็ย่อมก่อให้เกิดปัญหาเรื่องอุดตันได้ง่ายอย่างแน่นอนและจะเพิ่มความน่ากลัวมากขึ้นเรื่อย ๆ จนอาจต้องถึงขั้นผ่าตัดเพื่อเอาก้อนขนออกเลยทีเดียว

ก้อนขนแมว เกิดจากอะไร

ปัญหาก้อนขนแมวเกิดได้จากหลายปัจจัย ไม่ใช่แค่เพียงแมวรักความสะอาดเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องเจ้าของแมวที่จะต้องดูแลอย่างใกล้ชิด ดังนั้นลองมาดูสาเหตุของก้อนขนแมวที่จะเกิดจากเรื่องใดได้บ้าง

  • แมวที่มีพฤติกรรมต้องเลียขนทำความสะอาดตัวเองตลอดทั้งวัน 
  • แมวพันธุ์ขนยาวที่มีเส้นขนใหญ่และยาวมาก จะเสี่ยงต่อปัญหาก้อนขนอุดตันได้มากที่สุด 
  • แมวที่อุจจาระน้อยหรือไม่อุจจาระเลยใน 1 วัน 
  • แมวกินน้ำน้อยหรือเป็นแมวที่ไม่ชอบกินน้ำ จึงทำให้ระบบขับถ่ายไม่คล่องตัว 
  • แมวมีปัญหาแพ้ผิวหนังและขนร่วงหนัก จะยิ่งทำให้การเลียขนแล้วกลืนขนเข้ากระเพาะอาหารมีเพิ่มมากขึ้น 
  • แมวที่มีความวิตกกังวลและความเครียดสูง 
  • ถ้าคุณไม่ค่อยได้อาบน้ำหรือแปรงขนให้แมวบ่อยครั้ง จะยิ่งทำให้เกิดปัญหาก้อนขนอุดตันได้ง่าย
  • อาหารที่รับประทานมีไขมัน, คาร์โบไฮเดรต, โซเดียม และน้ำตาลสูง จะยิ่งทำให้เกิดการอุดตันได้ง่ายมากขึ้น

การกำจัดก้อนขนแมวสำคัญแค่ไหน

สำหรับการกำจัดก้อนขนของแมวนั้น ถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก ผู้เลี้ยงจึงไม่ควรมองข้ามและควรสังเกตพฤติกรรมแมวให้ดี ถ้ามีอาการเหล่านี้ไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนว่าก้อนขนเริ่มอุดตันแล้ว คือ 

  • มีอาการอาเจียนและอ้วกก้อนขนออกมาบ่อยครั้ง 
  • มีการทำท่าขย้อนขนที่จะลักษณะคล้ายจะอาเจียน แต่กลับไม่มีก้อนขนออกมา 
  • มีอาการเบื่ออาหารและซึมลงเรื่อย ๆ 
  • ไม่ว่าจะอาหารเม็ดหรืออาหารเปียกจะไม่สามารถกินได้ 
  • มีอาการท้องผูกเรื้อรัง แม้เข้ากระบะทรายบ่อยครั้ง แต่กลับไม่มีก้อนอุจจาระให้เห็น 
  • มีอาการปวดเบ่งและขับถ่ายยาก 
  • แมวบางตัวอาจมีอาการท้องเสียและมีอุจจาระเหลวร่วมด้วย

ควรดูแลและกำจัดก้อนขนแมวอย่างไร

เมื่อคุณพบว่าแมวมีอาการก้อนขนอุดตัน คุณควรมีวิธีการดูแลและการช่วยกำจัดก้อนขนให้กับแมว ดังต่อไปนี้

  • เลือกอาหารสูตรพิเศษ สำหรับการกำจัดก้อนขนแมวโดยเฉพาะ 
  • เลือกใช้อาหารสูตรที่มีไฟเบอร์สูงและช่วยเสริมประสิทธิภาพการย่อยอาหารได้ดีมากยิ่งขึ้น 
  • ทำความสะอาดและหวีขนให้น้องแมวบ่อยครั้ง เพื่อลดการทำความสะอาดด้วยการเลียขน 
  • ให้อาหารสูตรธรรมชาติ เช่น หญ้าแมว, ต้นไผ่เงิน, ตำแยแมว หรือกัญชาแมว ร่วมกับอาหารหลัก เพื่อขับถ่ายก้อนขนได้สะดวกมากขึ้น 
  • ถ้าน้องแมวมีอาการหนักขึ้นจนไม่สามารถขับถ่ายได้ ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์ทันที

อาหารที่เหมาะสำหรับการกำจัดก้อนขนแมว ควรเป็นอาหารแบบไหน 

อาหารที่ถือว่ามีความเหมาะสมในด้านการกำจัดก้อนขนของแมว จะมีด้วยกันหลายสูตร คือ

1.อาหารสูตรกำจัดก้อนขน

อาหารสูตรกำจัดและควบคุมก้อนขน จะเป็นอาหารเฉพาะที่มีทั้งรูปแบบเม็ดนิ่มและอาหารเปียก โดยจะมีส่วนผสมสำคัญอย่างไฟเบอร์ตามธรรมชาติที่ถูกสกัดมาจากผัก เป็นอาหารที่มีโภชนาการครบถ้วน ให้คุณค่าดีและมีกรดไขมันจำเป็น รวมไปถึงการใช้สารสำคัญต่าง ๆ เพื่อทำให้การขับถ่ายเป็นไปอย่างคล่องตัวและช่วยควบคุมก้อนขนภายในลำไส้ ไม่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นและให้การขับถ่ายออกมาตามปกติ พร้อมให้คุณสมบัติในการช่วยลดความเข้มข้นของปัสสาวะ ควบคุมไขมันเสีย, คาร์โบไฮเดรต, โซเดียม และน้ำตาลไว้ให้เหมาะสม ทั้งยังมีการใส่สารต้านอนุมูลอิสระเพิ่ม เพื่อทำให้การกำจัดก้อนขนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

2.อาหารเสริมระบบย่อย

อาหารที่จะช่วยเสริมให้ระบบย่อยทำงานได้ดีและเป็นไปอย่างคล่องตัว จะยิ่งช่วยทำให้ก้อนขนถูกกำจัดได้เร็วมากขึ้น โดยจะอุดมไปด้วยทั้งไฟเบอร์, ทอรีน, สารอาหารสำคัญ, มีการควบคุมปริมาณของแมกนีเซียม โซเดียม และไขมันเสียต่าง ๆ อย่างเหมาะสม พร้อมรักษาความเป็นกรด-ด่างของปัสสาวะ เพื่อป้องกันโรคนิ่วได้อีกด้วย ที่สำคัญคือช่วยเสริมสร้างให้สุขภาพมีความแข็งแรงมากขึ้นกว่าเดิม

3.อาหารฟื้นฟูสุขภาพ

อาหารสูตรฟื้นฟูสุขภาพและอวัยวะภายใน ควรให้แมวกินหลังการกำจัดก้อนขนและรับประทานอย่างสม่ำเสมอ ร่วมกับอาหารควบคุมก้อนขน เพื่อทำให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้นและผิวกับขนมีสุขภาพดี จึงจะไม่หลุดร่วงง่ายและไม่ต้องเสี่ยงต่อโรคร้ายต่าง ๆ ที่จะตามมาในอนาคตอีกด้วย

สิ่งที่ควรป้องกันเพื่อไม่ให้แมวกลับมามีปัญหาก้อนขนอุดตัน

ถ้าคุณไม่ต้องการให้ปัญหาก้อนขนอุดตันเรื้อรัง หรือทำให้สุขภาพของน้องแมวแย่ลง ควรรู้วิธีการป้องกันดังต่อไปนี้

  • ทำความสะอาดด้วยการอาบน้ำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และหวีขนของน้องแมวทุกวันเป็นประจำ 
  • เลือกอาหารสูตรไฟเบอร์สูง เพื่อการขับถ่ายที่เป็นไปอย่างคล่องตัว 
  • เลือกใช้อาหารสูตรเฉพาะสำหรับการกำจัดและควบคุมก้อนขน 
  • ใช้เจลขับก้อนขนร่วมกับอาหารหลักเป็นประจำ เพื่อช่วยขับก้อนขนให้ออกมาทางขับถ่ายได้คล่องตัวมากขึ้น แต่ควรใช้กับแมวโตอายุ 6 เดือนขึ้นไป

ถ้าคุณไม่อยากให้เจ้านายสุดที่รักของคุณต้องพบกับปัญหาลำไส้อุดตันจากก้อนขน ควรมีวิธีการดูแลและป้องกันอย่างถูกต้อง พร้อมการทำความสะอาดตัวน้องแมวอยู่เสมอและเลือกอาหารที่จะช่วยขับก้อนขนออกทางระบบขับถ่ายปกติได้ดี เพื่อลดปัญหาการอุดตันที่อาจนำพาให้น้องแมวต้องทุกข์ทรมานและเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้

ที่คนค้นหาเกี่ยวกับเนื้อหานี้ :

จัดอันดับ 3 อาหารแมว โรคเบาหวาน ที่ดีที่สุด

3 อาหารแมวสูตรรักษาโรคเบาหวาน ภัยร้ายจากการกินอาหารที่เจ้าเหมียวก็เป็นได้

“โรคเบาหวาน” จัดเป็นโรคยอดฮิตของน้องแมวได้เช่นเดียวกัน โดยสาเหตุเกิดจากความผิดปกติของต่อมไร้ท่อ พบได้มากในแมวที่มีอายุเยอะ ยิ่งในแมวที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน จะป่วยเป็นโรคเบาหวานเยอะมากทีเดียว โดยโรคนี้จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ และแมวจะไม่สามารถผลิตอินซูลินได้อย่างเพียงพอ หรือผลิตแต่ไม่สามารถทำงานได้ แม้แมวผู้สูงอายุจะมีความเสี่ยงมากที่สุดก็ตาม

แนะนำ 3 อาหารรักษาโรคเบาหวานในแมว

โรคเบาหวาน สามารถเกิดขึ้นได้กับแมวทุกช่วงอายุ วิธีสังเกตอาการง่ายๆ คือน้องแมวจะดื่มน้ำในปริมาณที่มากขึ้น ตามด้วยการปัสสาวะบ่อย น้ำหนักลด และร่างกายอ่อนแอ วิธีการรักษาเบื้องต้น ควรนำไปพบแพทย์ จากนั้นจึงค่อยๆ ปรับเรื่องอาหารการกิน ด้วยเหตุนี้ เราจึงนำ 3 อาหารแมวสูตรรักษาโรคเบาหวานที่จะช่วยให้เจ้าเหมียวอาการดีขึ้นในเร็ววันมาแนะนำกัน 3 สูตรดังนี้

>> รวมรายการ อาหารแมวสูตรรักษาโรคเบาหวาน ราคาถูก เชื่อถือได้ คลิกที่นี่ได้เลย


1.Hill’s Prescription Diet อาหารแมว สูตร M/D Feline Dry Food-1.81 kg.

เริ่มด้วย Hill’s Prescription Diet กับสูตร M/D Feline Dry Food-1.81 kg. เป็นอาหารแมวที่มาพร้อมสารอาหารแบบครบถ้วน เหมาะสำหรับน้องแมวที่มีปัญหาสุขภาพ และป่วยเป็นโรคเบาหวาน โดยสูตรนี้จะมีโปรตีนสูงและคาร์โบไฮเดรตต่ำ อุดมไปด้วยอาร์จินีนและทอรีน มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ผ่านการพิสูจน์ทางการแพทย์แล้วว่า ช่วยลดไขมันในร่างกาย และทำให้น้องแมวกลับมาอยากกินอาหารเพิ่มมากขึ้นได้ อีกทั้งยังช่วยรักษามวลกล้ามเนื้อ และเสริมภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรง จัดเป็นอาหารน้องแมวที่อัดแน่นไปด้วยคุณประโยชน์อย่างแท้จริง ราคาอยู่ที่ประมาณ 1,150 บาท

>> สั่งซื้อ Hill’s Prescription Diet  สูตร M/D Feline Dry Food-1.81 kg. ดีที่สุดสำหรับเป็นโรคเบาหวาน คลิก


2.Hill’s Prescription Diet อาหารแมว สูตร M/D Feline ชนิดเปียกแบบกระป๋อง – 2.9 oz.

ยังคงอยู่กันที่ Hill’s Prescription Diet อาหารแมว สูตร M/D Feline แต่เป็นกระป๋องชนิดเปียก เปิดทานได้ง่าย เหมาะสำหรับแมวที่มีปัญหาสุขภาพ หรือป่วยเป็นโรคเบาหวาน มาพร้อมสารอาหารที่ครบถ้วน โปรตีนสูงและคาร์โบไฮเดรตต่ำ ดีต่อร่างกาย อุดมไปด้วยอาร์จินีนและทอรีน อีกทั้งยังผ่านการพิสูจน์จากทางการแพทย์ว่าช่วยลดไขมันได้จริง และมีส่วนกระตุ้นให้น้องแมวกลับมาอยากกินอาหารอีกครั้ง หลังจากที่น้ำหนักลดแบบเฉียบพลัน นอกจากนี้ยังช่วยเสริมภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรง และช่วยรักษามวลกล้ามเนื้อได้ดี ราคาอยู่ที่ประมาณ 80 บาท

>> สั่งซื้อ Hill’s Prescription Diet  สูตร M/D Feline ของแท้ ราคาถูก สุดคุ้มเกินราคา คลิก


3.Royal Canin อาหารแมว สูตร Diabetic

ปิดท้ายด้วยสูตร Diabetic ชนิดแห้ง 1.5 kg เหมาะสำหรับน้องแมวที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน อาหารแมวสูตรนี้มาพร้อมสารอาหารที่ครบถ้วน โดยช่วยในการกำจัดพลังงานให้น้อยลง เพื่อควบคุมรูปร่างและน้ำหนักของน้องแมวให้กลับมาสมส่วนอีกครั้ง อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความอยากอาหาร ทำให้แมวกลับมากินอาหารได้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดการดื้อต่ออินซูลิน และช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้เจ้าเหมียวกลับมาแข็งแรงได้อย่างมั่นใจ ซึ่งหากให้อาหารน้องแมวสูตรนี้เป็นประจำ รับรองเลยว่าโรคเบาหวานที่เป็นอยู่จะดีขึ้นอย่างแน่นอน ราคาอยู่ที่ประมาณ 900 บาท

>> สั่งซื้อ Royal Canin อาหารเเมว สูตร Diabetic รักษาโรคเบาหวาน ชนิดแห้ง-1.5 kg  ราคาไม่แพง คุณภาพดี คลิก


สำหรับใครที่มีน้องแมวป่วยเป็นโรคเบาหวาน สามารถไปเลือกหาอาหารสูตรรักษาโรคเบาหวานในแมวตามที่เราแนะนำข้างต้นได้ รับรองเลยว่าจะช่วยให้สุขภาพกลับมาแข็งแรง และช่วยปรับพฤติกรรมน้องแมวให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้งได้อย่างแน่นอน

ที่คนค้นหาเกี่ยวกับเนื้อหานี้ :

6 วิธีขจัดความเครียดแมว เรื่องที่เจ้าของควรรู้

6 วิธีขจัดความเครียดแมว เรื่องที่เจ้าของควรรู้

แมวถือว่าเป็นสัตว์เลี้ยงที่เครียดง่ายและมีความวิตกกังวลได้ค่อนข้างสูงแม้จะดูไม่ค่อยแสดงออกแต่จะมีพฤติกรรมที่ทำให้เห็นอย่างเด่นชัดว่าแมวกำลังเครียดอยู่ซึ่งปัญหาของความเครียดและความวิตกกังวลอาจทำร้ายสุขภาพนำพาโรคร้ายมาสู่ตัวแมวและ กลายเป็นการซ้ำให้โรคที่เป็นอยู่นะขึ้นได้เช่นกันดังนั้นถ้าคุณไม่อยากให้แมวต้องเสี่ยงต่อปัญหาโรคต่างๆลองมาดู 6 วิธีขจัดความเครียดของน้องแมวดังนี้

1.ชวนแมวเล่นทุกวัน

หนึ่งในความเครียดของแมว คือ ความรู้สึกเบื่อหน่ายต่อกิจกรรมที่ทำซ้ำซากในทุก ๆ วัน ดังนั้นคุณจึงควรชวนแมวของตัวเองเล่นให้บ่อยครั้ง นอกจากนี้ควรเพิ่มกิจกรรมที่จะสร้างความสนุกและปลดปล่อยพลังของแมว ด้วยการพาออกไปเดินเที่ยวนอกบ้าน เพื่อรับอากาศบริสุทธิ์บ้างเป็นบางครั้ง การซื้อของเล่นแมวหรือเครื่องวิ่งสำหรับแมว เพื่อทำให้รู้สึกสนุกไปกับกิจกรรมต่าง ๆ มากขึ้น จึงช่วยลดความตึงเครียดได้ดี

2.แสดงความรักให้มาก

วิธีลดความตึงเครียดที่ถือว่าทำให้ได้ผลมากที่สุด คือ การที่เจ้าของแสดงความรักที่มีต่อแมวอย่างชัดเจน เช่น การลูบขนแมวเบา ๆ, การนวดไปตามกล้ามเนื้อของแมว, พาน้องแมวของคุณไปอยู่ในห้องที่มีบรรยากาศเงียบสงบ หรือนำน้องแมวมาแปรงขนเรื่อย ๆ รวมไปถึงการพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล จะช่วยทำให้แมวรู้สึกเครียดน้อยลงและกลับมาสดใสได้อย่างรวดเร็ว

3.ไม่เปลี่ยนที่นอนบ่อยครั้ง

ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัยหรือแค่ที่นอนของแมว ถ้าเคยอยู่ตรงไหนควรให้อยู่ตรงนั้น ไม่ควรย้ายที่บ่อยครั้งมากเกินไป เพราะการย้ายของใช้ส่วนตัว ที่นอน หรือแม้แต่การย้ายที่อยู่บ่อยครั้ง จะทำให้แมวรู้สึกเครียดกับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ เป็นอย่างมาก แต่ถ้าจำเป็นต้องย้ายบ้านก็ควรจัดพื้นที่เป็นมุมสงบให้น้องแมวได้ปรับสภาพก่อน

4.แยกโซนเลี้ยง

ถ้ามีการรับน้องใหม่เข้ามาเลี้ยงภายในบ้าน ย่อมทำให้แมวตัวเก่าก็รู้สึกกังวลและตึงเครียดง่าย ดังนั้นควรแยกโซนเลี้ยงให้ชัดเจน เพื่อทำให้คุ้นเคยกันก่อนจึงค่อยเลี้ยงรวมกัน นอกจากนี้ถ้ามีแมวตัวใดที่ไม่สามารถเข้าพวกได้ ควรแยกเลี้ยงต่างหาก จะไม่ทำให้เกิดการทะเลาะกันและไม่ก่อให้เกิดความตึงเครียดกับแมวทั้งบ้าน

5.ให้ขนมและอาหารอร่อย

อีกหนึ่งวิธีลดความตึงเครียดของแมว คือ การให้ขนมแมวเลียหรือขนมแบบผสมแคทนิป เพื่อทำให้รู้สึกเพลิดเพลินไปพร้อมกับความอร่อย ส่วนอาหารควรเน้นเป็นอาหารเปียก รสชาติดี ผสมกับอาหารเม็ดกินอยู่ หรือปรับเปลี่ยนอาหารบ้างเป็นครั้งคราว เพื่อให้ได้รสชาติที่แปลกใหม่ เพียงเท่านี้น้องแมวก็จะคลายความกังวลลงได้ดีเลยทีเดียว

6.พบสัตวแพทย์

ถ้าทำทุกวิธีแล้วยังไม่ดีขึ้น ทั้งยังมีอาการที่ดูแย่ลง ควรพาไปพบสัตวแพทย์ทันที เพราะความตึงเครียดนี้อาจจะเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายต่าง ๆ จึงควรได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที เพื่อไม่ให้น้องแมวของคุณต้องเสี่ยงเสียชีวิตเร็วเกินไป

ถ้าคุณต้องการให้น้องแมวสุดที่รักมีอายุยืนยาวมากขึ้น ควรเลือกใช้ทั้ง 6 วิธีขจัดความเครียดแมวนี้ไปปรับเปลี่ยนความเครียดของแมวคุณ เพื่อให้กลับมามีพฤติกรรมที่สดใสร่าเริงและมีความสุขอีกครั้ง

ที่คนค้นหาเกี่ยวกับเนื้อหานี้ :

แมวก็เชื่องได้นะ! แค่เลือกใช้วิธีฝึกตามนี้

แมวก็เชื่องได้นะ! แค่เลือกใช้วิธีฝึกตามนี้

ใครว่าแมวฝึกฝนไม่ได้! ถือว่าคุณคิดผิดอย่างมาก เพราะน้องแมวยุคนี้สามารถที่จะฝึกให้รู้จักชื่อตัวเองและฝึกให้เรียนรู้เหมือนกับสุนัข เพียงแต่ผู้ฝึกจะต้องใจเย็นและฝึกได้เพียงแค่บางคำสั่งเท่านั้น ซึ่งถ้าคุณอยากจะนำวิธีการฝึกวิชา เพื่อให้แมวเชื่องมากขึ้น ลองดูวิธีฝึกดังนี้

1.ฝึกให้รู้จักชื่อตัวเอง

ถ้าต้องการให้แมวรู้จักชื่อของตัวเอง คุณควรตั้งชื่อแมวเพียงแค่ 1-2 พยางค์เท่านั้น เพื่อทำให้แมวเข้าใจชื่อของตัวเองได้ง่ายกว่าเดิม โดยเริ่มจากการเรียกแมวด้วยชื่อเรื่อย ๆ เพื่อทำให้แมวรู้ว่าชื่อนี้เป็นชื่อประจำตัวและที่สำคัญคือควรใช้น้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ ให้รู้ว่าชื่อนี้เป็นชื่อของแมว และทุกครั้งที่เรียกชื่อควรมีขนมให้ด้วย เพื่อเป็นการฝึกที่มีประสิทธิภาพ แต่การเรียกให้รู้ชื่อควรเป็นกิจกรรมที่ทำให้แมวรู้สึกสนใจเท่านั้น ถ้าเป็นเรื่องที่แมวไม่ชอบ ไม่ควรเรียกชื่อเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้แมวรู้สึกกลัวและไม่สนใจชื่อของตัวเองอีกต่อไป

2.ฝึกให้รู้จักที่ขับถ่าย

สำหรับแมวเล็กหรือแมวย้ายที่อยู่ ควรฝึกเรื่องการขับถ่ายให้เป็นที่ จะได้ไม่สร้างปัญหาขับถ่ายผิดที่ในอนาคต สิ่งที่คุณต้องทำคือการจัดหากระบะทรายแมวที่มีความสะอาดและอยู่ในมุมสงบ คนไม่พลุกพล่าน เริ่มฝึกหลังการกินอาหารไปแล้วประมาณ 20 นาที จากนั้นอุ้มแมวไปดมกลิ่นทรายในกระบะ ซึ่งถ้าเป็นแมวที่มีประสบการณ์มาก่อน เมื่อได้ที่กลิ่นทรายสักครู่จะสามารถใช้ได้เองอัตโนมัติ แต่ถ้าเป็นแมวเล็กควรต้องจับตาดูพฤติกรรมให้ดี เมื่อใดที่แมวเริ่มจะขับถ่าย แต่ไม่ใช่ที่กระบะทราย ให้คุณรีบอุ้มแมวมาที่กระบะทรายทันที เพื่อทำให้แมวได้รู้ว่าจุดนี้เป็นจุดที่ต้องขับถ่ายในอนาคต

3.ฝึกด้วยกระดิ่ง

ปัจจุบันกระดิ่งแมวได้รับความสนใจจากเจ้าของเป็นอย่างมาก โดยมีขายหลายสีและหลายรูปแบบ กระดิ่งจะถูกทำขึ้นเพื่อให้แมวสามารถใช้อุ้งเท้ากดแล้วมีเสียง ซึ่งเจ้าของส่วนใหญ่จะใช้ในการฝึกด้านต่าง ๆ เช่น การขอขนม เมื่อใ